ต่อจากนี้ ‘บริการโรมมิ่ง’ ที่มีแค่สัญญาณอินเทอร์เน็ตเร็ว แรง และเสถียร อาจไม่ตอบโจทย์นักเดินทางอีกต่อไป เมื่อนิยามของ ‘ประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ดี’ ต้องสร้างตั้งแต่ก่อนเดินทาง ระหว่างเดินทาง จนสิ้นสุดการเดินทาง
ยังไม่นับรวมอินไซต์ที่ได้จากลูกค้าทรูและดีแทคซึ่งพบว่า หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย การเดินทางไปต่างประเทศเพิ่มขึ้น 2 เท่า จากเดิมเฉลี่ยแค่ปีละ 1 ครั้ง อีกทั้งพฤติกรรมการใช้งานอินเทอร์เน็ตระหว่างการเดินทางเพิ่มขึ้นมากถึง 2.5 เท่า ตั้งแต่จองโรงแรม เช็กอินเข้าที่พัก ค้นหาเส้นทาง สแกนจ่าย แปลภาษา ติดต่อสื่อสาร ไปจนถึงเชื่อมต่อโลกโซเชียล
“ทรู ในฐานะผู้นำด้านบริการทางโทรคมนาคมระดับประเทศ จะสามารถเติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์และยกระดับประสบการณ์การใช้บริการโรมมิ่งให้ดียิ่งขึ้นได้อย่างไร?” ฐานพล มานะวุฒิเวช หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาด บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น บอกว่านี่คือคำถามสำคัญที่นำไปสู่การเปิดตัว ‘GO Travel’ แพ็กเกจและซิมเน็ตต่างประเทศที่พลิกโฉมประสบการณ์การท่องเที่ยวที่มากกว่าบริการโรมมิ่ง (Beyond Roaming)
ฐานพลบอกว่า ที่ผ่านมาทรูผลักดันตัวเองให้เป็นมากกว่า ‘Beyond Connectivity’ โดยมีเป้าใหญ่คือการเป็น Telecom-Tech Company
“เมื่อพูดถึงโรมมิ่ง คนนึกภาพไม่ออกว่าจะ Beyond Roaming อย่างไร คงทำให้แค่เพิ่มปริมาณการใช้อินเทอร์เน็ตให้กับลูกค้า ในเมื่อเราเป็นเบอร์หนึ่งในเรื่องโรมมิ่ง เราต้องยกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวให้เหนือกว่า ซึ่งทรูเองแข็งแรงในเอเชีย-แปซิฟิกอยู่แล้ว เพราะมีพาร์ตเนอร์ที่แข็งแกร่งอย่าง China Mobile ยักษ์ใหญ่ในจีน ในขณะที่ดีแทคเขาคือเทเลนอร์ สายยุโรปเขาแข็งแกร่ง นอกจากคอนเน็กชันที่ดี จำนวนของผู้ใช้งานเมื่อร่วมกันยิ่งทำให้มีข้อได้เปรียบในการต่อรองเพื่อให้ได้โปรโมชันและราคาที่ดี”
กว่าจะเป็น ‘GO Travel’ ที่เป็นได้มากกว่าแค่บริการโรมมิ่ง
ซื้อแพ็กอะไรดี? เน็ตจะพอไหม? ถ้ามีปัญหาระหว่างเดินทางจะติดต่อใคร? สุกัณณี เลิศสุขวิบูลย์ หัวหน้าสายงานธุรกิจต่างประเทศและเกตเวย์ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น บอกว่า ทุกคำถามและอีกสารพัดข้อสงสัยของลูกค้าถูกเก็บรวบรวมเพื่อนำไปศึกษา ทำความเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้า จนนำไปสู่ประสบการณ์การท่องเที่ยวที่เหนือกว่า GO ได้มากกว่า ตลอดการเดินทาง
“Pain Point ที่พบคือ ลูกค้าต้องการความมั่นใจว่าซื้อแพ็กเกจแล้วต้องคุ้มค่าและใช้งานได้ตลอดการเดินทาง เป็นที่มาของ GO Beyond Limits ที่ตอบโจทย์มากกว่าเดิม ทั้งจำนวนดาต้าและจำนวนวันในการใช้งานมากขึ้น ความเร็วแบบ Max Speed สิ่งต่อมาคือช่องทางการซื้อ ลูกค้าสามารถซื้อแพ็กเกจล่วงหน้าผ่าน True iService และ dtac app และยังเพิ่มช่องทางการชำระเงินให้หลากหลายยิ่งขึ้น โดยสามารถจ่ายผ่าน TrueMoney หลังจากเปิดใช้งานแล้วสามารถเช็กจำนวนการใช้งานอินเทอร์เน็ตแบบเรียลไทม์ หรือถ้ามีข้อสงสัยสามารถโทรมาที่ Call Center Roaming ฟรี 24 ชั่วโมง”
GO Beyond Limits ยังรวมไปถึงการลดทอนจำนวนแพ็กเกจที่เยอะจนเลือกไม่ถูกให้เหลือแพ็กเกจและซิมเน็ตต่างประเทศสำหรับลูกค้าทั้งทรูและดีแทคภายใต้ชื่อเดียวคือ ‘GO Travel’ โดยมีให้เลือก 3 โซน Neighboring, Asia & Australia และ Worldwide สามารถใช้งานครอบคลุมเครือข่ายชั้นนำทั่วโลกมากกว่า 700 พันธมิตร ใน 221 ปลายทาง
“อย่างที่บอกว่าเราแข็งแกร่งในเรื่องของการมีพาร์ตเนอร์และเครือข่ายที่ครอบคลุม ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหน เมื่อเปิดโรมมิ่งระบบจะจับสัญญาณเครือข่ายที่ดีที่สุดของประเทศนั้นๆ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การใช้งานโรมมิ่งที่ดีสุดตลอดทั้งทริป”
ถ้าคิดว่า GO Beyond Limits มอบประสบการณ์เหนือกว่าแล้ว ฐานพลบอกว่ายังเหนือได้อีกกับ GO Beyond Roaming
“คำถามคือ ทำอย่างไรเราถึงจะยกระดับประสบการณ์ลูกค้าได้มากที่สุดในทุกที่ที่ลูกค้าเองก็อาจจะนึกไม่ถึง ทุกวันนี้เราเคยชินกับการขึ้นเครื่องบินแล้วต้องปิดเครื่อง หรือเข้าใจไปว่าล่องเรือออกทะเลต้องไม่มีสัญญาณ นี่คือส่วนที่เรามาเติมเต็มให้ทุกการเดินทางไม่ขาดการเชื่อมต่อ เราให้ฟรี In-Flight Roaming อินเทอร์เน็ตบนเครื่องบินแบบไม่จำกัด จับมือกับ 25 สายการบินชั้นนำทั่วโลก และมีบริการ On-Cruise Roaming กว่า 100 สายเรือสำราญชั้นนำระดับโลก จำง่ายๆ ไม่ว่าจะบนพื้นดิน บนฟ้า หรือมหาสมุทร เราครอบคลุมทั้งหมด”
Beyond Roaming ประสบการณ์ระดับเวิลด์คลาส พิเศษเฉพาะลูกค้า GO Travel เท่านั้น
“เมื่อรู้แล้วว่าคนไปเที่ยวต้องการสิทธิประโยชน์ ต้องการความปลอดภัยในการเดินทาง ต้องการความสะดวกสบาย จึงเป็นที่มาของการสรรหาสิทธิพิเศษที่เหนือกว่าเพิ่มเติมกับพันธมิตรชั้นนำต่างๆ เพื่อยกระดับประสบการณ์ให้ลูกค้าตลอดการเดินทาง”
ฐานพลฉายภาพให้เห็นประสบการณ์การเดินทางระดับเวิลด์คลาสที่ลูกค้า GO Travel จะได้รับ ไม่ว่าจะเป็นก่อนเดินทาง สามารถใช้สิทธิ์รับฟรี! บริการ Red Carpet จากสายการบิน AirAsia ที่มาพร้อม 4 สิทธิพิเศษ ได้แก่ ช่องเช็กอิน VIP, บริการห้องรับรองที่สนามบิน The Coral Executive Lounge, Priority Boarding ขึ้นเครื่องก่อนใคร และได้รับสิทธิ์รับกระเป๋าก่อนใครเมื่อเดินทางถึงปลายทาง ที่สำคัญลูกค้า GO Travel จะได้ประกันการเดินทางจาก FWD ฟรี! อีกด้วย
ระหว่างการเดินทางยังมีส่วนลดสุดพิเศษจากร้านค้าในต่างประเทศมากมาย อาทิ Mitsui Outlet ที่ประเทศญี่ปุ่น, K11 ที่ประเทศฮ่องกง รวมไปถึงค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวและสวนสนุก เมื่อเดินทางกลับมาถึงเมืองไทย ฟรี! Airport Premium Service บริการผู้ช่วยส่วนตัวพร้อมรถกอล์ฟไฟฟ้า ได้สิทธิ์เข้า Express Lane ช่องตรวจคนเข้าเมือง พร้อมบริการรับกระเป๋าโดยผู้ช่วยส่วนตัวพาไปส่งถึงรถ เป็นการจบทริปการท่องเที่ยวด้วยประสบการณ์ระดับเวิลด์คลาสที่เหนือกว่าแค่บริการโรมมิ่งอย่างแท้จริง
“การที่เรา GO Beyond ทั้งหมดตั้งแต่ Beyond Connectivity มาจนถึง Beyond Roaming ยกระดับไลฟ์สไตล์ของนักเดินทาง ถือเป็นเป้าประสงค์หลักของทรูที่มุ่งมั่นสู่การเป็นที่หนึ่งในใจคนไทย และวันนี้เราจะต้องเป็นที่หนึ่งในใจของนักเดินทาง เพื่อตอบโจทย์และแก้ทุก Pain Point ของลูกค้า เพื่อให้มีประสบการณ์ที่ดีที่สุดไปกับทรู” ฐานพลกล่าวทิ้งท้าย
สำหรับแพ็กเกจเน็ตโรมมิ่งของ GO Travel (Neighboring) ราคา 99 บาท ใช้เน็ตได้ 2GB ระยะเวลา 7 วัน, GO Travel (Asia & Australia) ราคา 399 บาท ใช้เน็ตได้ 7GB ระยะเวลา 10 วัน ฟรีประกันการเดินทาง และราคา 599 บาท ใช้เน็ตได้ 10GB ระยะเวลา 15 วัน ฟรีประกันการเดินทาง ส่วน GO Travel (Worldwide) ราคา 899 บาท ใช้เน็ตได้ 7GB ระยะเวลา 15 วัน ฟรีประกันการเดินทาง และยังมีแพ็กเกจอื่นๆ ให้เลือกได้ตามไลฟ์สไตล์การเดินทาง
พิเศษ! ลูกค้าแพ็กเกจเน็ตต่างประเทศ GO Travel ทดลองใช้ฟรี บริการ In-Flight Roaming อินเทอร์เน็ตบนเครื่องบิน แบบไม่จำกัด วันนี้ – 30 เมษายน 2567 อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.true.th/ir
