×

หุ้นกลุ่มธนาคาร – สินเชื่อหดตัวในเดือนพฤศจิกายน 2565

22.12.2022
  • LOADING...

เกิดอะไรขึ้น:

ในเดือนพฤศจิกายน 2565 สินเชื่อของกลุ่มธนาคารหดตัว 0.7%MoM โดยมีสาเหตุมาจากการชำระคืนสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่จำนวนมาก ธนาคารส่วนใหญ่พบว่าสินเชื่อหดตัวในเดือนพฤศจิกายน โดยเฉพาะ BBL ซึ่งสินเชื่อหดตัว 3.2%MoM (สอดคล้องกับตัวเลขที่ธนาคารให้ไว้ก่อนหน้านี้ที่การประชุมนักวิเคราะห์) KKP และ TISCO มีการเติบโตของสินเชื่อแข็งแกร่งที่สุด โดยส่วนใหญ่เกิดจากสินเชื่อเช่าซื้อ สินเชื่อเพื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ (สำหรับ TISCO) และสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่

 

ส่วน KTB พบการฟื้นตัวของสินเชื่อ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อรายย่อยในเดือนพฤศจิกายน หลังจากสินเชื่อหดตัวลงมากในเดือนตุลาคม ทั้งนี้ ประมาณการการเติบโตของสินเชื่อปี 2565 ที่ InnovestX Research คาดการณ์ไว้สำหรับ TISCO (4% เทียบกับ 6.6% YTD) และ KKP (18% เทียบกับ 19.6% YTD) มี Upside ขณะที่ธนาคารอื่นๆ เล็งเห็น Downside ต่อประมาณการการเติบโตของสินเชื่อปี 2565

 

กระทบอย่างไร: 

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นกลุ่มธนาคาร (SETBANK) ปรับเพิ่มขึ้น 0.41%MoM ขณะที่ SET Index ปรับลดลง 0.46%MoM

 

มุมมองระยะสั้น:

ใน 4Q65 InnovestX Research คาดว่ากลุ่มธนาคารโดยรวมจะรายงานการเติบโตของสินเชื่อระดับต่ำ NIM ที่ปรับตัวดีขึ้น การตั้งสำรองเพิ่มขึ้น QoQ รายได้ค่าธรรมเนียมที่ดีขึ้นตามฤดูกาล และ OPEX ที่เพิ่มขึ้น QoQ ตามฤดูกาล

 

ในเบื้องต้น คาดการณ์ว่ากำไร 4Q65 ของกลุ่มธนาคารจะเติบโตดี YoY แต่จะลดลง QoQ ตามฤดูกาล โดยจะมีทิศทางที่แตกต่างกันในแต่ละธนาคาร โดย BBL คาดว่าจะเป็นธนาคารที่มีกำไร 4Q65 เติบโตแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มธนาคารทั้ง YoY และ QoQ โดยเกิดจากการคาดการณ์ถึงการตั้งสำรองลดลง และ NIM ที่กว้างขึ้น ขณะที่คาดว่า KBANK และ KKP จะรายงานกำไร 4Q65 ลดลงทั้ง QoQ และ YoY จากการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น

 

มุมมองระยะยาวและกลยุทธ์การลงทุน:

ในปี 2566 คาดว่าอัตราการเติบโตของกำไรกลุ่มธนาคารจะชะลอตัวลงสู่ 13% จาก 16% ในปี 2565 โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์การเติบโตของสินเชื่อที่ 6% NIM ที่ขยายตัว 6 bps (หลักๆ เกิดขึ้นที่ธนาคารขนาดใหญ่) Credit Cost ที่ลดลง 7 bps Non-NII ที่เติบโต 3% และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ลดลงเล็กน้อย

 

อย่างไรก็ดี InnovestX Research เลือก KTB และ BBL เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มธนาคาร เพราะ

  1. มีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น
  2. ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ และ
  3. Valuation น่าสนใจ

 

ขณะที่หุ้นธนาคารมี Valuation ไม่แพง (-2SD PBV และ -1SD PE) โดยกำไรมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องพร้อมกับ Upside ต่อ NIM

 

สำหรับปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ

  1. ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากเงินเฟ้อสูงและเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
  2. การไม่สามารถส่งผ่านอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนฟื้นฟูฯ ที่เพิ่มขึ้น 23 bps ไปยังอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และ
  3. ผลกระทบของ FinTech

ข่าวที่เกี่ยวข้อง


 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

X
Close Advertising