สถาบันการเงินทั่วโลกส่วนใหญ่เริ่มมีมุมมองว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตน้อยกว่า 5% ในปี 2024 แม้ว่าทางการจีนจะยืนยันในตัวเลขการเติบโตเป้าหมายที่ 5% มาตลอด ล่าสุดธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง Bank of America (BofA) เป็นสถาบันการเงินรายล่าสุดที่ปรับลดการคาดการณ์ โดยหั่นการเติบโต GDP ของจีนลงจาก 5% เหลือ 4.8% BofA ยังระบุว่า การเติบโตอาจชะลอตัวลงอีก เป็น 4.5% ในอีก 2 ปีข้างหน้า เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 4.7%
นักเศรษฐศาสตร์ของ BofA แสดงความเห็นว่า นโยบายการเงินและการคลังของจีนนั้นผ่อนคลายน้อยกว่าที่ต้องการ และไม่เพียงพอที่จะฟื้นการเติบโตของอุปสงค์ในประเทศ ธนาคารเน้นย้ำว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเป็นความไม่แน่นอนที่สำคัญสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน เนื่องจากการส่งออกเป็นความหวังเพียงอย่างเดียวของเศรษฐกิจในปัจจุบัน
ก่อนหน้านี้ TD Securities ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของจีนจาก 5.1% เหลือ 4.7% การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ UBS ปรับลดการเติบโตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รวมถึง Goldman Sachs และ JPMorgan Chase & Co. ที่ปรับลดการเติบโตของจีนด้วยเช่นกัน
นักเศรษฐศาสตร์ของ Citi ออกมาเตือนเมื่อต้นสัปดาห์ว่า เป้าหมายการเติบโตอย่างเป็นทางการของปักกิ่งที่ประมาณ 5% ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบหลายทศวรรษ บรรลุเป้าหมายได้ยาก ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มของเศรษฐกิจจีนมากขึ้น ขณะที่ผู้กำหนดนโยบายต้องเผชิญกับการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยาวนาน และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนที่อ่อนแอ
สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองแง่ลบที่เพิ่มขึ้นในหมู่ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของโลกว่า จีนอาจต้องพยายามอย่างยากลำบากเพื่อบรรลุเป้าหมายการเติบโตประมาณ 5% ในปีนี้ ทั้งนี้มีการเรียกร้องให้จีนนำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมมาใช้ หลังจากที่เศรษฐกิจขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบ 5 ไตรมาส แต่รัฐบาลยังคงมีนโยบายที่ค่อยเป็นค่อยไป และธนาคารกลางกล่าวว่า จะหลีกเลี่ยงมาตรการที่รุนแรง
ข้อมูลอย่างเป็นทางการยังแสดงให้เห็นว่าการใช้จ่ายของรัฐบาลในภาพรวมหดตัวลงในช่วง 7 เดือนแรกของปี ในขณะที่ความต้องการสินเชื่อยังคงอ่อนแอ ภาคบริการก็กำลังสูญเสียโมเมนตัมเช่นกัน
รายงานล่าสุดเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (4 กันยายน) เผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (Service PMI) ภาคบริการ Caixin/S&P ของจีน ลดลงเหลือ 51.6 ในเดือนสิงหาคม จาก 52.1 ในเดือนกรกฎาคม สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตที่อ่อนแรงลงเมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม กิจกรรมภาคบริการเติบโตน้อยกว่าที่คาดไว้ในเดือนสิงหาคม เนื่องจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นและการลดราคาของบริษัทต่างๆ เพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาด
อ้างอิง:
