วานนี้ (21 กรกฎาคม) ที่โถงชั้นล่างหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เขตปทุมวัน ชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) เปิดงานนิทรรศการศิลปะและแสดงดนตรีของมูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข สถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา และบริษัท สยามดนตรียามาฮ่า จำกัด โดยมี ศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯ กทม. อาจารย์สุชาติ วงษ์ทอง และประชาชน ร่วมงาน ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-24 กรกฎาคม 2565 เวลา 10.00-20.00 น. ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมขายรูปเพื่อดนตรีในสวน กรุงเทพน่าอยู่ สลัมสวย สุขในสวน สนุกกับดนตรี ภาพสีน้ำ (สีอะคริลิก) จำนวน 35 ภาพ
ชัชชาติกล่าวว่า งานดนตรีในสวนถือเป็นการเปิดพื้นที่ให้น้องๆ ที่มีความสามารถได้มาแสดงออกทางด้านดนตรี ศิลปะ ให้ประชาชนเข้ามาฟังดนตรีอย่างมีความสุข นับว่าเป็นมิติที่ดี มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ดีๆ เกิดขึ้นมากมายในกรุงเทพมหานคร (กทม.) เมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมา
ความจริงแล้วเรามีหลายๆ อย่างที่เหมือนกัน เช่น เรื่องศิลปะกับดนตรีในสวน ที่เรามารวมกันได้ ขอบคุณอาจารย์สุกรีที่ให้การสนับสนุนและทำได้อย่างรวดเร็วมาก ในส่วนรูปวาดของอาจารย์สุชาติถือว่าเป็นการแบ่งปัน ในรูปจะมีประวัติศาสตร์ซ่อนอยู่ เป็นการวาดในกรอบเวลาที่จำกัด เป็นรูปที่มีพลังและมีคุณค่า เป็นการแบ่งปันความสุขร่วมกัน
ขณะที่ศานนท์กล่าวว่า งานดนตรีในสวนจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่มีส่วนสำคัญที่ 1 คือวิสัยทัศน์ของผู้ว่าฯ กทม. ที่อยากจะให้มีดนตรีในสวน ส่วนสำคัญที่ 2 คืออาจารย์สุกรีและทีมงานหลายๆ ท่าน อาจารย์สุชาติ ที่เห็นความสำคัญของงานดนตรีและได้นำศิลปะมาร่วมงานกัน และส่วนสำคัญที่ 3 ซึ่งสำคัญมาก คือประชาชนที่มาร่วมงาน ทำให้งานประสบความสำเร็จขึ้นมาได้
วันที่ 4 มิถุนายน เป็นวันแรกที่จัดงาน จำได้ว่าตอนแรกลุ้นมากว่าจะมีคนเข้ามาดูดนตรีไหม ลุ้นว่าเสียงตอบรับจะเป็นอย่างไร เพราะว่าการจัดงานมีข้อบัญญัติหลายอย่าง แต่หลายๆ องค์ประกอบเป็นความโชคดี จากการคุยกับผู้ว่าฯ กทม. ได้มองว่าดนตรีในสวนไม่ใช่กิจกรรมแต่คือการยกระดับอุตสาหกรรมดนตรี
ศานนท์กล่าวต่อว่า เราอยากพูดถึงนักดนตรีและศิลปินใน กทม. โดยเฉพาะ ว่าเขาจะมีส่วนในการส่งเสริมอย่างไร หลายๆ อย่างจึงต้องถูกปรับในครั้งที่เรามาทำดนตรี เราเห็นข้อจำกัดด้านต่างๆ มากมาย เราอาจจะต้องมาทบทวนว่า กทม. ในฐานะที่ดูแลบริหาร เราจะทำอย่างไรได้มากกว่านั้น
การจัดดนตรีในสวนทำให้เกิดงานกิจกรรมในพื้นที่กลางแจ้งอีกหลายงานตามมา ทำให้ประชาชนออกมาจากพื้นที่ในช่วงโควิด 2-3 ปีที่ผ่านมา ออกมาใช้พื้นที่สาธารณะกันมากขึ้น เกิดกิจกรรมฉายหนังกลางแปลงอย่าง ‘กรุงเทพกลางแปลง’
ซึ่งต่อไปจะมีหนังสือในสวน มีลิเกในสวน และจะมีอีกหลายๆ งานที่จะเกิดขึ้น ต้องยอมรับว่าเป็นเพราะปรากฏการณ์ดนตรีในสวนที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องสำคัญที่ กทม. ต้องเดินต่อ จึงอยากที่จะเชิญชวนหลายๆ คนมาร่วมกัน ร่วมแสดงศักยภาพ ในวงการศิลปินดนตรีต้องบอกว่าเรื่องรายได้เป็นเรื่องสำคัญ เป็นวิชาชีพที่เราต้องพัฒนาไปอีกไกล เพื่อที่จะให้เห็นคุณค่าตรงนี้ คิดว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ดนตรีในสวนมาสร้างบทใหม่นี้
กทม. มีความยินดีและพร้อมมากที่จะสนับสนุนโครงการศิลปะและดนตรี ขอบคุณทุกท่านที่มาจุดประกายให้กรุงเทพมหานคร เราจะเดินต่อไปด้วยกันพร้อมความร่วมมือกับพี่น้องทุกคน