ธนาคารกรุงเทพจุดประกายผู้ประกอบการปรับตัวใช้ AI ขับเคลื่อนธุรกิจสู่โลกยุคดิจิทัล ดึงกูรู Data Scientist เปิดคอร์สติวเข้ม หวังช่วยลดต้นทุน-เพิ่มกำไรกว่า 2 เท่า พร้อมเป็น ‘เพื่อนคู่คิด’ เสริมเขี้ยวเล็บ SMEs ทั้งความรู้และเงินทุน
วันนี้ (25 ตุลาคม) ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ กรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มการใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) กำลังมีบทบาทมากขึ้น ทั้งช่วยคิดวิเคราะห์ ประเมินผล รวมถึงแก้ไขปัญหาของภาคธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจะมีบทบาทมากขึ้นในอนาคตอันใกล้ ดังนั้นการปรับองค์กรให้เข้าสู่การขับเคลื่อนด้วย AI รวมถึง Big Data ที่สนับสนุนอยู่ข้างหลัง จะเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของภาคธุรกิจ
โดยล่าสุดธนาคารจัดสัมมนาให้แก่กลุ่ม SMEs ในหัวข้อ ‘Data Analytic & AI สร้างการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและธุรกิจ SME อย่างไร’ เพื่อฉายภาพความสำคัญของการใช้ Big Data และ AI รวมทั้งทดลองใช้ AI เพื่อเรียนรู้การใช้งานจริงเบื้องต้น พร้อมเชิญวิทยากรซึ่งเป็น Data Scientist และเป็นผู้ก่อตั้ง ‘บอทน้อย’ ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI และการนำเทคโนโลยีมาตอบสนองต่อธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาแบ่งปันข้อมูลแก่ผู้ประกอบการ
“ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี AI เริ่มมีบทบาทสำคัญในหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมการแพทย์ที่ช่วยในการวินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว, ภาคอุตสาหกรรมการผลิตที่เริ่มนำเครื่องจักรออโตเมชันมาใช้ทดแทนแรงงานคน และภาคการเกษตร สำหรับการทำ Smart Farming แต่เรื่องนี้สำหรับ SMEs แล้วอาจยังเป็นเรื่องใหม่ ผู้ประกอบการอาจยังไม่เห็นภาพว่าจะนำ Big Data ที่มีอยู่ และ AI มาใช้กับธุรกิจตนเองได้อย่างไรบ้าง ธนาคารกรุงเทพซึ่งเป็น ‘เพื่อนคู่คิด’ สำหรับลูกค้า จึงต้องช่วยหาข้อมูลความรู้มาสนับสนุน ช่วยจุดประกายความคิดให้ลูกค้าเห็นภาพการขับเคลื่อนธุรกิจในอนาคต ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญมาก” ดร.พิเชฐ กล่าว
พร้อมระบุอีกว่า ธนาคารกรุงเทพยังมีความพร้อมด้านบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์สำหรับธุรกิจที่ต้องการลงทุนเพื่อปรับองค์กร สินเชื่อเพื่อวัตถุประสงค์ด้านสิ่งแวดล้อมและการปรับตัวหลายโครงการ
โดยล่าสุดเพิ่งเปิดตัวสินเชื่อบัวหลวงกรีนเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม (Bualuang Green Financing for Transition to Environmental Sustainability Loan) อัตราดอกเบี้ยพิเศษ สามารถผ่อนชำระได้นานสูงสุดถึง 8 ปี เพื่อสนับสนุนการปรับเปลี่ยนธุรกิจเพื่อความยั่งยืน 3 ด้าน ทั้งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และลดการสร้างมลพิษ โดยธนาคารจัดเตรียมวงเงินสินเชื่อถึง 1 หมื่นล้านบาทไว้รองรับความต้องการของลูกค้า เป็นต้น จึงมั่นใจได้ว่าลูกค้าของธนาคารจะมีโซลูชันที่ครบถ้วนสำหรับการปรับโครงสร้างธุรกิจไปสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน
ดร.วินน์ วรวุฒิคุณชัย ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บอทน้อยกรุ๊ป (Botnoi Group) กูรู Data Scientist ชั้นนำของไทย กล่าวว่า “ในชีวิตประจำวันของเราทุกวันนี้ต่างมี AI เข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าผู้ประกอบการรู้และเข้าใจก็จะสามารถคว้าโอกาสและใช้ประโยชน์ต่อยอดธุรกิจได้ง่าย ซึ่งบางอย่างแทบไม่มีต้นทุนเลย เช่น Google Maps ที่กลุ่มธุรกิจที่พักและร้านอาหารสามารถเข้าไปปักหมุดลงภาพและรีวิวได้ฟรี เพิ่มช่องทางการเข้าถึงของผู้บริโภคได้อย่างมหาศาล แต่ผู้ประกอบการ SMEs ส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจและไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร จึงเป็นโอกาสดีอย่างยิ่งที่องค์กรขนาดใหญ่อย่างธนาคารกรุงเทพเข้ามาเป็นตัวกลางสำคัญ เพื่อพาผู้ประกอบการมาเรียนรู้และก้าวข้ามความเปลี่ยนแปลงนี้ไปด้วยกัน เพราะจากประสบการณ์การเข้าไปช่วยพัฒนาด้าน Data Science พบว่าอย่างน้อยที่สุดหากผู้ประกอบการเริ่มใช้ Data Analytic & AI จะสามารถช่วยลดต้นทุน และเพิ่มผลกำไรได้มากกว่า 2 เท่าอย่างแน่นอน ซึ่งนับเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจที่จะทำให้สามารถแข่งขันได้อย่างมีศักยภาพ”
นอกจากนี้ สำหรับลูกค้าธนาคารกรุงเทพที่มีความสนใจบริการทางการเงิน เพื่อเปลี่ยนผ่านธุรกิจไปสู่โมเดลใหม่ๆ เพื่อความยั่งยืน รวมถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ธนาคารกรุงเทพพร้อมสนับสนุนด้านเงินทุนผ่านบริการสินเชื่อหลากหลายรูปแบบพร้อมอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ได้แก่
- สินเชื่อ ‘Bualuang Green’ วงเงินกู้สูงสุด 50 ล้านบาท ผ่อนชำระได้นานสูงสุด 8 ปี สำหรับ SMEs ที่ต้องการลงทุนปรับปรุงธุรกิจและกระบวนการต่างๆ ที่ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ รวมถึงนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ
- สินเชื่อ ‘Bualuang Green Solar Energy’ ให้วงเงินกู้สูงสุด 100% ของเงินลงทุน พร้อมเงื่อนไขพิเศษ เพื่อช่วยลดต้นทุนให้ต่ำลง ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเปลี่ยนมาใช้พลังงานทางเลือกมากขึ้น
- สินเชื่อบัวหลวงเพื่อการปรับตัวธุรกิจ (Bualuang Transformation Loan) วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 5 ต่อปี ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 5 ปี สำหรับธุรกิจที่ต้องการปรับปรุงกิจการในยุคดิจิทัลและภาวะปกติใหม่ (Next Normal) เช่น การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือใช้นวัตกรรมแห่งโลกอนาคต
