THE STANDARD POP เพิ่งมีบทสัมภาษณ์พิเศษที่ชวน กันต์พิมุกต์ ภูวกุล หรือ แบมแบม GOT7 มาย้อนเวลาพูดคุยถึงช่วงต่างๆ ผ่านภาพใน Instagram เพื่อทบทวนดูว่าทุกเวลามีความหมายกับเขาในทุกวันนี้อย่างไรบ้าง
เริ่มต้นการเดินทางครั้งนี้ด้วยการหวนความทรงจำวัยเด็ก แบมแบม GOT7 ในวัย 25 ปีย้อนมองเด็กชายกันต์พิมุกต์ ตัวตนในแบบที่ตราตรึงตั้งแต่จำความได้ และจากวันแรกที่เดินทางตามหาความฝันในต่างแดน จนถึงวันนี้ที่เขาสามารถเก็บดาวแห่งความฝันไว้ในกำมือได้แล้ว แต่บางสิ่งในตัวแบมแบมที่ยังคงระยิบระยับยังเฉิดฉายเสมอมา เขารวบรวมความทรงจำ ตัวตน ความชอบ ประสบการณ์ แมว และอัลบั้ม มาจารึกไว้ผ่านรอยสัก ให้เขาและเราได้มาย้อนสำรวจและยิ้มตามไปพร้อมกัน
สามารถรับชมคลิปสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ที่
ภาพ: bambam1a / Instagram
“เอาจริงๆ ผมเป็นคนเรียบร้อยมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ผมเป็นเด็กซนกับเรียบร้อยครับ ไม่ถึงขั้นดื้อ ซนที่สุดเวลารวมญาติ ผมจะวิ่งทั่วบ้าน ส่วนเวลาเรียบร้อย อย่างน้อยเวลาเจอผู้ใหญ่ผมก็จะพูดครับตลอด รู้สถานการณ์ตั้งแต่เด็กๆ คอยดูว่าตรงนี้เราต้องนิ่งๆ นะ ตรงที่ซนได้ก็จะซน
“เหตุการณ์สำคัญมากๆ ในวัยเด็กที่จำได้คือตอนไปเกาหลีครั้งแรกครับ ตอนนั้นอยู่สุวรรณภูมิและกำลังเตรียมบิน มีแฟนคลับออกมา 2-3 คน ผมก็ตกใจเหมือนกันว่ามีมาได้อย่างไร เพราะผมยังไม่เดบิวต์ เขาไม่รู้จักผมกันครับ ตอนนั้นจำได้เลยครับ เตรียมเสื้อที่จะใส่ไปเกาหลีตั้งแต่ 2-3 สัปดาห์ก่อน ไปเดินสำเพ็ง ใส่ชุดสีเขียว แล้วก็มีหูฟังสีเขียว ตอนนั้นชอบสีเขียว เป็นครั้งแรกที่ผมออกนอกประเทศเลยครับ แล้วต้องอยู่ตรงนั้นเป็นเดือนๆ ผมก็ตื่นเต้นด้วย สนุกด้วย แล้วก็กลัวด้วย”
แบมแบมเล่าถึงตัวเองตอนเด็ก และความทรงจำในการเดินทางล่าฝันที่เต็มไปด้วยความท้าทาย แฟนคลับคนแรกที่ไปส่ง และสีเขียวสีโปรด
ภาพ: bambam1a / Instagram
“บางทีก็ยังมีความไม่ชินอยู่บ้าง ไม่ใช่แค่เรื่องสนามบิน แต่คือทุกอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้ สมมติผมเพิ่งย้ายบ้านที่เกาหลีได้ประมาณ 3-4 ปี เป็นบ้านดีไซน์ที่ผมฝันมาตลอดตั้งแต่เด็กๆ ผมเป็นคนชอบเล่นเกม The Sims ก็ฝันมาตลอด เวลาทำงานกลับบ้านมา ผมนั่งอยู่ที่บ้าน ผมก็จะ ‘เออ มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรนะ’ มันก็จะมีความคิดอย่างนี้ครับ เวลากลับไทย มาโรงเรียน ผมก็งงๆ นิดหน่อย ทำไมทุกอย่างมันดูเล็กไปหมดเลย เมื่อก่อนทุกอย่างมันดูสูงมากเลย ยังมีความไม่ชินกับสภาพแวดล้อมในชีวิตตอนนี้บางส่วน”
แบมแบมเผยความไม่ชินที่ก่อตัวขึ้น จากวันนั้นที่มีแฟนคลับ 2-3 คนมาส่งที่สนามบิน สู่วันนี้ที่ไม่ว่าแบมแบมจะบินไปที่ไหน แฟนคลับก็มารอรับอย่างแน่นขนัด ความฝันที่เคยไล่ล่าอย่างสุดกำลัง วันนี้ได้มาแล้วอย่างไม่สังเกต
ภาพ: bambam1a / Instagram
“ที่จริงรอยสักแรกอยู่ตรงเท้า แต่แฟนคลับมองไม่เห็นเท่าไร อันนี้ผมลองเฉยๆ ว่าเจ็บหรือเปล่า และลองแล้วมันไม่เจ็บ ก็เลยลองตรงต้นแขนขวาเป็นเลข 97 มันเกี่ยวกับปีเกิด ผมเป็นคนที่อะไรกับ 97 มาก โลโก้ที่ผมชอบใช้ก็เป็น 97 Lucky Seven แล้วก็ 9 ภาษาไทย ก้าวสู่โชคลาภ จำได้ว่าตอนนั้นแอบค่ายสัก แล้วก็แอบแฟนคลับด้วย หลุดตอนมาเที่ยวที่ภูเก็ตกับคุณแม่
“ส่วนรอยสักบนต้นแขนซ้าย อันนี้เป็นหน้าสามหน้า แต่ว่าวาดด้วยเส้นเดียว ม้วนกันเป็นสามหน้า แต่ละหน้าก็จะมีความหมายคือ หน้าแรกแบมแบมที่ทุกคนรู้จัก หน้าที่สองก็จะเป็น Private หน้าที่ครอบครัวหรือเพื่อนผมรู้จัก ส่วนหน้าที่สามคือหน้าที่ผมรู้จักตัวของผมคนเดียว ไม่มีใครรู้จักหน้านี้ แต่ว่าเลือกที่จะใช้หนึ่งเส้น เพราะว่ายังไงมันก็คือตัวผม ทุกอย่างเป็นหนึ่งเดียวกัน”
แบมแบมเล่าถึงการเริ่มต้นจารึกเศษเสี้ยวของตัวตน เอามาประทับไว้บนร่างกาย เป็นรอยสักที่มีความหมายและความทรงจำล้ำค่าไหลเวียนอยู่ และเลขนำโชคของเขาที่จะปรากฏอยู่ทุกๆ ที่ในการเดินทางของเขาเสมอมา
ภาพ: bambam1a / Instagram
“ล่าสุดเพิ่งสักไปได้ไม่นาน ยังไม่มีใครเห็นเลยครับ แต่ว่าผมไม่ได้สักมั่วซั่วนะ ผมจะคิดมากๆ ล่าสุดจะอยู่ตรงขาซ้ายนี้ครับ เป็นนกฮูก เป็นอันที่ใหญ่ที่สุดที่ผมเคยสักมาเลย เป็นนกฮูกนั่งอยู่บนเลข 97 ผมชอบนกฮูก เพราะนกฮูกมีสองความหมายคือ มีความเป็น Magic มีความไม่ Real จินตนาการ แล้วมันจะมีเสน่ห์มากกว่าตอนกลางคืน ซึ่งอันนี้ผมให้เพื่อนผมเป็นคนวาดให้”
แบมแบมเปิดเผยตัวตนและความชอบผ่านรอยสักลายล่าสุด รูปนกฮูกนั่งบนเลขนำโชคของเขา
ภาพ: bambam1a / Instagram
“จริงๆ ผมก็สนุกกับมันนะ รู้สึกกดดันอยู่แล้ว แต่ก็พยายามคิดว่าอย่ากดดันเลย ผมว่ามันเป็นสเต็ปที่ใหญ่มากในชีวิตผม เราก็ยังอยู่ GOT7 เหมือนเดิม แต่เราก็ต้องออกมาทำโซโล่ ก็กลัวว่าคนจะชอบดนตรีสไตล์ผมหรือเปล่า อย่าง riBBon กับ B ผมต้องพูดถึงตัวผม ชีวิตที่ผ่านมา หรืออะไรที่ผมคิด อะไรที่ผมอยากบอกแต่ไม่เคยบอกมาก่อน ก็โชคดีที่หลายๆ คนเข้าถึงดนตรีของผมง่าย หลายๆ คนซัพพอร์ต แล้วผลที่ออกมามันดีกว่าที่ผมคิดเยอะ ตอนแรกผมไม่ได้หวังอะไร (หัวเราะ)”
แบมแบมเล่าถึงความท้าทายครั้งใหญ่ในชีวิต กับการกลั่นกรองประสบการณ์ต่างๆ ที่พบเจอ ออกมาเป็นเรื่องราวในมินิอัลบั้ม riBBon และ B
ภาพ: bambam1a / Instagram
“ผมว่าผมใช้มาคุ้มมากชีวิตตอนนี้ สำหรับคนที่อายุ 25 ปี ความทรงจำหลายๆ อย่างที่อยู่ในหัวผม ใช้มาคุ้มครับ ไปต่างประเทศหรือว่าได้ทัวร์รอบโลก ซึ่งผ่านทุกอย่างมาดีนะครับ ไม่ได้ผ่านมาแบบไร้สาระ ใช้เวลาไร้ค่า ผมว่าไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่ก็ไม่อยากใช้คำว่า ‘เติบโตมาเป็นอย่างดี’ ผมแน่ใจว่าผมก็มีบางจุดที่ผมไม่เพอร์เฟกต์ ข้อเสียของผมต้องมีแน่นอน แต่ว่าผมพยายามที่จะทำให้ดีที่สุดตลอด 25 ปี”
แบมแบมสรุปเรื่องราวชีวิตตลอด 25 ปีของตัวเองว่า เขาได้ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า แม้จะมีหลายครั้งที่ผิดพลาดและยังมีข้อเสียที่ต้องแก้ไข แต่เขาก็พยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุดตลอด 25 ปีที่ผ่านมา
ภาพ: bambam1a / Instagram