×

เงินบาทอ่อนค่ารับผลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า 2% หลัง ECB คงดอกเบี้ย

13.03.2020
  • LOADING...

วันนี้ (13 มีนาคม) จิติพล พฤกษาเมธานันท์ หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดการเงินและการลงทุน หลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ค่าเงินบาทเช้าวันนี้ เปิดตลาดที่ระดับ 31.85 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อน (12 มีนาคม 2563) ที่ระดับ 31.57 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยเงินบาทอ่อนค่าลง จากเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น 

 

ทั้งนี้ ระหว่างวันประเมินว่าเงินบาทจะอ่อนค่าลงจากเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้กรอบเงินบาทวันนี้ 31.80-32.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ 

 

อย่างไรก็ตาม ช่วงคืนที่ผ่านมาตลาดการเงินสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะวิกฤตไปกับทั่วโลก โดยดัชนีหุ้น S&P 500 ของสหรัฐฯ ปรับตัวลงถึง 9.5% ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีลด์) สหรัฐอายุ 10 ปี ก็ปรับตัวลงมาที่ระดับ 0.8% พร้อมกับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ร่วงลงแตะระดับ 30.90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาทองคำปรับตัวลงมาที่ระดับ 1,575 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

 

เมื่อดูข้อมูลพบว่า ตลาดการเงินหลักที่พบกับผลกระทบแรงที่สุดคือ บราซิล IBOVESPA ปรับตัวลงถึง 20% โดยติด Circuit Breaker เป็นวันที่สี่ของสัปดาห์ ขณะที่ค่าเงินเรอัลบราซิลปรับตัวลดลงถึง 5% ภายในวันเดียวด้วย เนื่องจากโฆษกประธานาธิบดีบราซิลเป็นหนึ่งในผู้ติดไวรัสโคโรนา 2019 ในรอบนี้

 

ด้านธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติ ‘คง’ อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ -0.5% โดยเลือกที่จะใช้การเพิ่มปริมาณการปล่อยกู้ตรงผ่านโครงการ TLTRO ที่ระดับดอกเบี้ย -0.25% ให้กับผู้ประกอบการในยุโรป ขณะเดียวกันก็มีการเพิ่มปริมาณการซื้อสินทรัพย์ขึ้นอีก 1.2 แสนล้านยูโร แต่ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดหุ้นและบอนด์

 

อย่างไรก็ดี ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้นทันทีราว 2% หลังจากที่ ECB ประกาศนโยบายการเงินใหม่ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์ภายในวันที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2017 

 

ทั้งนี้ ปัจจัยภาวะตลาดที่ต้องจับตามอง ได้แก่ ความคาดหวังของนโยบายการเงินสหรัฐฯ ในอนาคต ซึ่งในปัจจุบันนักลงทุนในตลาดคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะต้องอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบอย่างแน่นอน แต่ขณะเดียวกัน ก็ต้องจับตาทิศทางของนโยบายการเงินและการคลังของฝั่งเอเชียด้วย ว่าจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนให้กลับมาในตลาดทุนได้เร็วแค่ไหน

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising