×

BAFS เผยผลประกอบการไตรมาส 3 รายได้รวม 734 ล้านบาท เผยกำลังเจรจาสร้างท่อขนส่งน้ำมันเชื่อมระหว่างเส้นทางสระบุรี-อ่างทอง

13.11.2023
  • LOADING...
BAFS

BAFS ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 โดยมีรายได้รวม 733.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% จากปีก่อน ปัจจัยหลักจากการฟื้นตัวธุรกิจท่องเที่ยว ชูยุทธศาสตร์สร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ผลักดันระบบท่อขนส่งน้ำมัน เชื่อมโยงโครงข่ายภาคตะวันออกสู่ภาคเหนือ ผ่านเส้นทางสระบุรี-อ่างทอง (Link Line) ขยายธุรกิจพลังงานทดแทน ขับเคลื่อนธุรกิจบริการพลังงานให้เติบโตอย่างยั่งยืน

 

ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานของ BAFS Group เติบโตอย่างต่อเนื่องจากการขับเคลื่อนของกลุ่มธุรกิจบริการพลังงาน โดยผลประกอบการไตรมาส 3/66 ของบริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 733.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปี 2565 ตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจรวมของประเทศ 

 

โดยเป็นรายได้จากธุรกิจหลักในกลุ่มธุรกิจ Aviation รวม 587.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากปริมาณเติมน้ำมันอากาศยานที่เพิ่มขึ้นถึง 31% เช่นเดียวกับกลุ่มธุรกิจ Utilities ที่มีรายได้รวม 87.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากปริมาณขนส่งน้ำมันรวมทุกผลิตภัณฑ์ของโครงการระบบท่อส่งน้ำมันภาคเหนือ (NFPT) ที่เพิ่มขึ้น 66% ในขณะที่กลุ่มธุรกิจ Power มีรายได้จากการขายไฟฟ้าและอื่นๆ จำนวน 74.3 ล้านบาท ซึ่งปรับลดลง 3% จากสัญญาเงินอุดหนุนส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) ของบริษัทย่อยแห่งหนึ่งได้สิ้นสุดลงเมื่อเดือนมิถุนายน

 

อย่างไรก็ตาม BAFS Group มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในไตรมาส 3/66 จำนวน 349.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีภาพรวมของค่าใช้จ่ายดำเนินงานเพิ่มขึ้น 14% จากการดำเนินงานและค่าผลประโยชน์ตอบแทนจากการดำเนินกิจการให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน (Airport Concession Fee: ACF) 

 

สำหรับภาพรวมผลประกอบการ 9 เดือนแรก BAFS GROUP มีรายได้รวม 2,271.1 ล้านบาท กำไรสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทจำนวน 59.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 125% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นรายได้จากกลุ่มธุรกิจ Aviation 1,767.5 ล้านบาท ที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของปริมาณน้ำมันอากาศยานและจำนวนเที่ยวบินที่กลุ่มบริษัทให้บริการ โดยในช่วง 9 เดือนของปีนี้ ปริมาณน้ำมันอากาศยานฟื้นตัวได้ 69% ของช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด 

 

สำหรับกลุ่มธุรกิจ Utilities มีรายได้รวมจำนวน 270.1 ล้านบาท จากค่าบริการขนส่งน้ำมันภาคพื้นดินและค่าบริการจัดเก็บน้ำมันของปริมาณน้ำมันรวมทุกผลิตภัณฑ์ของโครงการ NFPT ที่เติบโตขึ้น 91% เนื่องจากการทำการตลาดเชิงรุกกับลูกค้าบริษัทน้ำมัน และกลุ่มธุรกิจ Power มีรายได้รวม 306.3 ล้านบาท จากการขายไฟฟ้าและอื่นๆ และจากเงินปันผลจากการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น

 

นอกจากนี้ BAFS Group ได้ขยายการลงทุนเพื่อสร้างสมดุลทางโครงสร้างธุรกิจและสร้างการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสู่พลังงานทดแทน โดยกลุ่มบริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ ภายใต้ชื่อ BAFS X Mongolia LLC ในประเทศมองโกเลีย ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 3.6 ล้านบาท เพื่อประกอบธุรกิจโดยมีรายได้จากการถือหุ้นในบริษัทอื่นเป็นหลัก ทั้งธุรกิจพลังงานทดแทน ธุรกิจการจัดเก็บน้ำมันและท่อขนส่งน้ำมันและธุรกิจนำเข้าและส่งออกสินค้าและบริการ 

 

โดยในระยะแรกกลุ่มบริษัทมีแผนร่วมลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งคาดว่าจะให้ข้อมูลความชัดเจนของการลงทุนในโครงการดังกล่าวได้ปี 2567 และได้เข้าร่วมลงทุนในบริษัท สุราษฎร์ อีโค พาวเวอร์ จำกัด โดยมีสัดส่วนการถือหุ้น 30% เพื่อลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานขยะที่มีกำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการได้ในปี 2570

 

BAFS Group กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเตรียมโครงการสร้างท่อขนส่งน้ำมันเชื่อมระหว่างเส้นทางสระบุรี-อ่างทอง (Link Line) เพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายท่อขนส่งน้ำมันระหว่างภาคตะวันออกกับภาคเหนือ ซึ่งจะช่วยทำให้โครงข่ายระบบท่อส่งน้ำมันของประเทศไทยมีความมั่นคงด้านพลังงานมากขึ้น และยังลดการปล่อยมลพิษและก๊าซเรือนกระจกอันเกิดจากรถขนส่งน้ำมัน

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising