หลังจากโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ยุติการให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อต้นเดือนมกราคม 2562 ที่ผ่านมา เพื่อปรับปรุงและเตรียมพื้นที่สร้างโรงแรมแห่งใหม่ภายใต้โครงการมิกซ์ยูส ‘ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค’ มูลค่า 36,700 ล้านบาท โดยร่วมทุนกับกลุ่มเซ็นทรัลพัฒนา ซึ่งคาดว่าเฟสแรก ‘โรงแรม’ จะสามารถเปิดให้บริการในปี 2565 และเปิดให้บริการเต็มตัวในปี 2567
แน่นอนการปิดโรงแรมที่ถือเป็นหนึ่งในรายได้หลัก ย่อมส่งผลกระทบถึงรายได้ในภาพรวมตามมา อย่างในช่วงครึ่งปีแรก 2562 กลุ่มดุสิตได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า การปิดโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ส่งผลกระทบในแง่ของรายได้ 370 ล้านบาท ส่วนกำไรกระทบ 84 ล้านบาท
ที่ผ่านมากลุ่มดุสิตธานีได้เดินหน้าขยายการลงทุน รวมถึงบริการในรูปแบบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงรายได้เข้ามาชดเชยรายได้หลักที่จะหายไปในช่วง 3-4 ปีต่อจากนี้ หนึ่งในนั้นคือการกระจายการลงทุน และเติบโตใน ‘ธุรกิจอาหาร’ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยกลุ่มดุสิตธานีวางเป้าหมายปั๊มรายได้ 1,000 ล้านบาท ในช่วง 3 ปี (2562-2564) และในปี 2562 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากธุรกิจอาหารไม่น้อยกว่า 400 ล้านบาท
สเตปล่าสุดในธุรกิจอาหารของกลุ่มดุสิตธานี คือการเปิด ‘บ้านดุสิตธานี’ เป็นร้านอาหารแบบสแตนด์อโลนแห่งแรกของกลุ่มดุสิตธานีอย่างเต็มตัวในวันที่ 18 กันยายนนี้ ร้านอาหารแห่งนี้กลุ่มดุสิตธานีตัดสินใจลงทุนด้วยการทำสัญญาเช่าบ้านสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 อายุราว 100 ปี รายล้อมไปด้วยพื้นที่สีเขียวของพันธุ์ไม้ต่างๆ โดยมีขนาดพื้นที่กว้างขวางถึง 4.5 ไร่ ตั้งอยู่ในซอยศาลาแดง
ภายในร้านถูกแบ่งออกเป็นหลายโซน และทยอยเปิดให้บริการเป็นส่วนๆ โดยเฟสแรกเริ่มจากดุสิตกูร์เมต์ ซึ่งให้บริการในรูปแบบคาเฟ่ ที่มีทั้งอาหารจานหลัก เครื่องดื่ม และเบเกอรี อยู่ในบ้านหลังรอง ต่อเนื่องมาจนถึงห้องอาหารเบญจรงค์ ซึ่งให้บริการอาหารไทยอยู่ในบ้านหลังหลัก โกดังหรืออาคารเก็บของด้านหลัง พัฒนาเป็นร้านอาหารเธียนดอง และยังมีศาลาเต้นรำหรือ Dancing Hall ที่เหมาะสำหรับการจัดเลี้ยง รวมถึงสวนสวยและสระว่ายน้ำ
ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า วัตถุประสงค์ในการตัดสินใจลงทุนโครงการ ‘บ้านดุสิตธานี’ นอกจากจะเป็นโอกาสอันดีในการดูแลพนักงานของเราในช่วงที่รอโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ แห่งใหม่กลับมาแล้ว ยังต้องการรักษาแบรนด์ ‘ดุสิตธานี’ ให้เป็นที่กล่าวถึงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเป็นการรักษาฐานลูกค้าเก่าของเราไว้ และขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ ซึ่งที่ผ่านมาอาจจะยังไม่เคยใช้บริการร้านอาหารในโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ แห่งเดิมเลย
เนื่องจากต้องยอมรับว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป หลายครั้งที่เราพบว่า แม้ลูกค้าจะเข้าพักที่โรงแรม แต่นิยมไปรับประทานอาหารข้างนอกเพื่อสัมผัสกับวัฒนธรรมท้องถิ่น ดังนั้น นอกจากการเปิดโครงการ ‘บ้านดุสิตธานี’ จะเป็นโชว์เคสที่ทำให้ลูกค้าได้ลองสัมผัสกับดุสิตธานีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งรูปแบบการให้บริการ และการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมของการตกแต่งแบบเดิมและแบบใหม่แล้ว
ยังจะทำให้กลุ่มดุสิตธานีสามารถศึกษารูปแบบและไลฟ์สไตล์การใช้บริการของผู้บริโภค เพื่อใช้เป็นโมเดลสำหรับการหาความลงตัวเรื่องรูปแบบและรสชาติของอาหาร และบริการที่สามารถตอบโจทย์ทั้งลูกค้าที่รอคอยการกลับมา และลูกค้าในอนาคต
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
