×

3 บริษัทยักษ์ใหญ่ AWS-Google-Microsoft เตรียมลงทุนทำ Data Center ในไทย ด้านเศรษฐาพบนักศึกษา ม.สแตนฟอร์ด ชวนกลับทำงานไทย

โดย THE STANDARD TEAM
15.11.2023
  • LOADING...

วานนี้ (14 พฤศจิกายน) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่นครซานฟรานซิสโก ซึ่งช้ากว่าเวลาที่กรุงเทพฯ 15 ชั่วโมง ภารกิจของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 

 

เริ่มจากการพบปะนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนประเทศไทย จึงอยากจะเชิญชวนให้มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเป็นพันธมิตรสำคัญของประเทศไทย ทั้งในการแลกเปลี่ยนความร่วมมือทางวิชาการ การวิจัยและการพัฒนา โดยนายกฯ ชื่นชมความร่วมมือที่ผ่านมาของมหาวิทยาลัย ซึ่งล่าสุดมีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในหลักสูตรอบรม Big Data โดยมหาวิทยาลัยหวังที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างคณะในมหาวิทยาลัยไทยในโครงการแลกเปลี่ยน (Faculty Exchange Program)

 

หารือนักเรียนไทยหวังกลับประเทศช่วยพัฒนา

 

นายกฯ พูดคุยและแลกเปลี่ยนกับนักศึกษาไทยที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ว่าหน้าที่ของรัฐบาลคือทำให้นักศึกษาเห็นด้วยว่าประเทศไทยนั้นมีอนาคต เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องพยายามทำความเข้าใจ และเชื้อเชิญให้นักเรียนที่เรียนต่างประเทศ พยายามที่จะกลับมาทำงานต่อที่ประเทศไทย 

 

ซึ่งในโอกาสการเดินทางมาซานฟรานซิสโกเพื่อเข้าร่วมประชุม APEC นี้ จึงเชิญนักลงทุนต่างประเทศหลายรายมาร่วมหารือ และเตรียมลงนาม MOU โดยในอนาคตอันใกล้ ถ้ามีบริษัทดีๆ หลายๆ บริษัทไปเปิดที่เมืองไทย ไปขยายงานที่เมืองไทย รองรับการกลับไปของนักศึกษาที่อยู่ต่างประเทศก็จะเป็นการดี

 

นอกจากนี้มาพบนักธุรกิจ ซึ่งเมื่อวานได้พบผู้บริหาร Tesla, ADI และ HP ส่วนวันนี้ได้พบผู้บริหาร เช่น Microsoft, Google และ Western Digital เพื่อจะประกาศว่าประเทศไทยเปิดแล้ว เปิดสำหรับการลงทุน ไม่มีเวลาไหนที่ดีเท่าเวลานี้ที่จะลงทุนในประเทศไทย เป็นที่มาที่ไปว่า ที่อยากจะมาที่สแตนฟอร์ด เพราะเป็นมหาวิทยาลัยระดับโลกที่ดีที่สุดในโลกมหาวิทยาลัยหนึ่ง ทั้งนี้ นายกฯ หารือผู้บริหารมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เพื่อพัฒนาสตาร์ทอัพไทย 

 

เศรษฐากล่าวว่า ได้พูดคุยกับระดับศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัย มีการพูดคุยใน 2 ประเด็นหลัก ประเด็นแรก การพัฒนาสตาร์ทอัพที่ประเทศไทย ยังไม่มียูนิคอร์น หรือบริษัทสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าทางการตลาดสูงเกิน 36,000 ล้านบาท แต่ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่จะให้นักลงทุนต่างประเทศ หรือคนรุ่นใหม่ที่อยากจะมาอยู่ในประเทศไทยได้พัฒนาธุรกิจให้กลายเป็นยูนิคอร์นให้ได้ 

 

แต่ทั้งนี้ นักศึกษาไทยที่มาเรียนส่วนใหญ่หลายคนที่เป็นนักศึกษาทุน ต้องกลับไปใช้ทุน แต่หลายคนที่เรียนเกี่ยวกับด้านการวิจัย ทำงานวิจัยอยู่ที่สหรัฐฯ จะมีรายได้สูงกว่าได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชน หากกลับไปเมืองไทยรายได้ก็ต่ำจึงมีความกังวลเรื่องนี้

 

บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก เตรียมลงทุนในไทย

 

จากนั้นหารือภาคเอกชนชั้นนำของสหรัฐฯ ดังนี้ บริษัท Walmart เป็นบริษัทค้าปลีกสัญชาติอเมริกัน และเป็นหนึ่งในผู้ค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีสาขามากกว่า 10,500 สาขา ใน 20 ประเทศทั่วโลก โดยบริษัทประกาศว่าจะลงทุนเพื่อปรับโฉมร้านค้าให้ทันสมัยขึ้น พร้อมเพิ่มขนาดร้านขายยา เพิ่มจุดชำระเงิน และแผนกอาหารในสาขา

 

นายกรัฐมนตรีขอบคุณที่บริษัท Walmart ดำเนินการจัดซื้อ/หาสินค้าจากไทยมาอย่างต่อเนื่อง โดยนายกฯ ยังเชิญชวนให้บริษัทพิจารณาจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าในไทย ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถใช้ประโยชน์จากจุดแข็งในสถานที่ตั้งที่ใกล้กับแหล่งกำเนิดสินค้า เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับ Supply Chain อีกทั้งไทยยังเหมาะที่จะเป็นแหล่งที่ตั้งสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคอีกด้วย ทั้งนี้ ไทยส่งเสริมผลิตภัณฑ์ฮาลาล และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของไทย ที่ถือเป็น Soft Power อย่างหนึ่ง

 

โดยผู้บริหารบริษัท Walmart กล่าวว่า บริษัทมองประเทศไทยเป็นผู้ผลิตสินค้าและวัตถุดิบที่มีศักยภาพ (Potential Supplier) เช่น สินค้าเกษตร (ข้าว และผลไม้ฤดูร้อน) โดยคาดว่าในไตรมาสแรกของปีหน้า จะเดินทางไปเยี่ยมเยือนเมืองไทยเพื่อไปหาสินค้าและวัตถุดิบใหม่ๆ ซึ่งหากไทยเห็นว่ามีสินค้าใดที่มีศักยภาพก็สามารถแนะนำได้

 

พบ Western Digital ย้ายสายการผลิตหัวอ่านมาไทย

 

บริษัท Western Digital เป็นผู้ผลิต Hard Disk Drive (HDD) รายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ปัจจุบันประเทศไทยเป็นฐานการผลิต Hard Disk Drive ที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท และเป็นโรงงานผลิต HDD เพียงแห่งเดียวที่มีขั้นตอนการประกอบและทดสอบขั้นสุดท้าย บริษัทจึงมีส่วนช่วยสำคัญให้ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออก HDD รายใหญ่ที่สุดของโลก 

 

นายกฯ ยินดีที่ได้ทราบว่าบริษัทย้ายสายการผลิตหัวอ่าน (Recording Head) ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่สุดชิ้นส่วนหนึ่งของระบบ HDD ทั้งหมดมาที่ไทย ซึ่งการเลือกย้ายฐานผลิตหัวอ่านมาไทยนี้ จะทำให้ไทยเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนสำคัญแห่งเดียวในโลกของ WD แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของบริษัทที่จะขยายการลงทุนต่อเนื่องในไทย 

 

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยมีนโยบายส่งเสริมพลังงานสีเขียว (Green Energy) ซึ่งบริษัทกล่าวชื่นชมและยินดีกับนโยบายนี้ของไทยเป็นอย่างมาก ถือเป็นนโยบายที่เป็นจุดเด่นของไทย โดยบริษัทกำลังผลิตผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น จึงมีความต้องการใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียน เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของบริษัท และต้องการใช้พลังงานสะอาดอย่างมาก 

 

นอกจากนี้ นายกฯ หวังว่าบริษัทจะมีส่วนร่วมในการพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะของไทย (Skilled Labour) ขอให้มั่นใจว่า รัฐบาลและสถาบันการศึกษาของไทยพร้อมที่จะร่วมมือกับ WD เพื่อพัฒนาทักษะ (Upskill) แรงงานท้องถิ่นให้พร้อมสำหรับแผนการลงทุนในอนาคต พร้อมย้ำว่าไทยพร้อมและเปิดประเทศเพื่อรับการลงทุนแล้ว ซึ่งบริษัทมีความโดดเด่นด้านการพัฒนาบุคลากรไทยมาอย่างต่อเนื่อง หัวหน้าโรงงานทั้งสองแห่งของบริษัทก็เป็นคนไทย จึงพร้อมที่จะร่วมมือและมีศักยภาพที่จะรองรับอย่างดี

 

โอกาสนี้ บริษัทยังได้กล่าวชื่นชมมาตรการวีซ่าประเภทใหม่ของไทย ‘Long-Term Resident (LTR)’ ที่เอื้อและเพิ่มความน่าดึงดูดในการอยู่อาศัยและลงทุนในกลุ่มบุคคลที่มีศักยภาพสูงมาประเทศไทยมากขึ้น โดยขณะนี้ บริษัทยังพิจารณาที่จะย้าย Headquarter มาตั้งที่ไทยด้วย

 

Microsoft-Google เซ็น MOU ทำ Data Center

 

บริษัท Google บริษัทดำเนินธุรกิจบริการด้านซอฟต์แวร์และโซลูชันชั้นนำระดับโลก มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองเมาน์เทนวิว มลรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยผลิตภัณฑ์หลักที่ให้บริการหลากหลาย เช่น กลุ่มการให้บริการสื่อและโฆษณา (Media and Advertising) และกลุ่มการให้บริการบนระบบคลาวด์ (Cloud Services) เป็นต้น ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะลงทุนสร้าง Data Center เพิ่มเติมในอาเซียน โดยประเทศไทยเป็นหนึ่งในทางเลือกสำคัญ

 

นายกรัฐมนตรียินดีกับการครบรอบ 10 ปี Data Center แห่งแรกในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกที่ฉางหัว ไต้หวัน และยินดีที่ Google พิจารณาไทยเป็น 1 ในสถานที่ตั้งที่มีศักยภาพสำหรับการสร้าง Data Center ประเทศที่ 11 ของบริษัทจากทั่วโลก และแห่งที่ 4 ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ทั้งนี้ ในนามของรัฐบาลไทย 

 

สำหรับการลงนาม MOU ระหว่าง Google กับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) บ่งบอกถึงความสำเร็จครั้งสำคัญในความร่วมมือระหว่างกัน เพื่อไปสู่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และการเติบโตทางเศรษฐกิจ ไทยเชื่อมั่นว่าความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางดิจิทัลของประเทศ และพัฒนาการให้บริการสาธารณะ ผ่านการเปลี่ยนแปลงบริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ 

 

ทั้งนี้ รัฐบาลพร้อมสนับสนุนการลงทุนในไทยของบริษัท Google อย่างเต็มที่ สำหรับการหารือกับ Google เป็นเรื่องน่ายินดีที่มีการลงนาม MOU กันเรียบร้อยแล้ว ที่จะมาทำ Data Center ร่วมกัน

 

ส่วนบริษัท Microsoft บริษัทดำเนินธุรกิจ 3 ส่วนหลัก ได้แก่ Productivity and Business Processes, Cloud (Azure) ครอบคลุมทั้งรูปแบบ Public, Private, Hybrid และ Personal Computing ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ เช่น คอมพิวเตอร์ แล็ปท็อป แท็บเล็ต ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาแผนการลงทุน Data Center ขนาดใหญ่ในประเทศไทย 

 

AWS – ไทย จับมือร่วมกันพัฒนา Digital Transformation 

 

สำหรับการหารือกับ Amazon Web Services (AWS) บริษัทชื่นชมนายกรัฐมนตรี ในการผลักดันการเติบโตของประเทศไทยผ่านเทคโนโลยีที่มีมูลค่าสูง และเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม AWS เดินหน้าให้การสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลในทันที เพื่อทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในเศรษฐกิจดิจิทัล และ Innovation Hub ผ่านการมาลงทุนของเทคโนโลยีคลาวด์ (AI, ML, Data Analytics และ IoT) ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่สำคัญ และรากฐานในการพัฒนาประเทศด้านเศรษฐกิจ และการเพิ่มโอกาสในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ของคนรุ่นต่อไป

 

นายกรัฐมนตรีขอบคุณและให้การสนับสนุน AWS ที่เป็น Hyperscale Data Center ระดับโลกเจ้าแรกที่กำลังลงทุนก่อสร้าง AWS Asia Pacific (Bangkok) Region ในประเทศไทย ด้วยงบประมาณกว่า 1.9 แสนล้านบาท (US$5 พันล้านบาท) ในระยะเวลากว่า 15 ปี 

 

นายกรัฐมนตรีมั่นใจว่าการลงทุนของ AWS จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญในระยะยาว เพิ่มความปลอดภัย และปรับปรุงประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของภาครัฐ และช่วยสร้างแรงงานที่มีทักษะสูงที่ประเทศไทยกำลังขาดแคลน 

 

นายกรัฐมนตรีจะให้ความร่วมมือกับ AWS อย่างต่อเนื่องในการมาลงทุนครั้งนี้ ทั้งในการสนับสนุนให้เกิดการใช้คลาวด์ให้ครบทุกภาคส่วนต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนประสิทธิภาพการพัฒนาบริการทางดิจิทัลให้แก่ประชาชนทั้งของรัฐและเอกชน 

 

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้พูดคุยกับผู้บริหารบริษัท AWS ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Amazon ที่ทำ Cloud Service เซ็นสัญญาที่จะเข้ามาลงทุนแล้ว และจะเปิดดำเนินการเร็วๆ นี้เป็น Data Center ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่มีการลงทุนแล้ว และเป็นบริษัทแรกที่เข้ามาลงทุน และจะลงทุนเพิ่มอีกด้วย

 

พบผู้บริหาร Open AI จีบตั้งสาขาในไทย 

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มีโอกาสพบกับ แซม อัลต์แมน ผู้บริหารสูงสุดของ Open AI ซึ่งมีผลงานเด่นคือ ChatGPT และเป็นคนที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกคนหนึ่ง โดยจะพาไปเยี่ยมชมบริษัทซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดี โดยมี Research Center อยู่ที่อังกฤษ และสหรัฐฯ ยังขาดเอเชีย จึงเป็นหน้าที่ของไทยที่ต้องไปโน้มน้าวจิตใจให้เข้ามาตั้งในไทย ซึ่งถือเป็นภารกิจหลักที่จะทำให้สำเร็จต่อไป

 

สำหรับทำเลที่ตั้งที่เหมาะสม นายกรัฐมนตรีคาดว่า Open AI จะสนใจจังหวัดเชียงใหม่ หรือภูเก็ต เพราะเป็นจังหวัดที่มีระบบ Ecosystem ที่เหมาะสม แต่ยังต้องดูประเด็นอื่นประกอบ และทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ ไม่สามารถไปบังคับกำหนดทิศทางได้ อย่างไรก็ตามส่วนตัวเชื่อว่า การที่ผู้บริหารสูงสุดเบอร์ 1 เปิดโอกาสให้พบย่อมแสดงว่าเขาสนใจประเทศไทย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี

 

สั่งสรุปผลหารือนักลงทุนในรอบ 3 เดือน

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก 3 รายที่มาทำ Data Center ได้แก่ AWS, Google และ Microsoft จะยกระดับภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยให้ได้รับการยอมรับในอนาคตอันใกล้นี้

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า การเดินทางมาสหรัฐฯ ครั้งนี้ ถือว่ามีความพอใจ หลายอย่างจากการพบปะภาคเอกชนรายใหญ่ โดยปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนต่างชาติ ถือเป็นจุดแข็งที่ทำให้ไทยสามารถยืนหยัด และแข่งขันได้ในเวทีโลก เป็นความภาคภูมิใจที่เป็นคนไทย และจะทำงานต่อไป

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สั่งให้ทีมงานสรุปแผนการชักชวนนักลงทุนต่างชาติในรอบ 3 เดือน ว่านักลงทุนรายใดลงทุนแล้ว ใครอยู่ลำดับไหน ใครเพิ่งจีบกัน หรือใครได้ชวนไปดูหนังแล้ว ทั้งนี้ ไม่อยากพูดถึงผลงาน หรือการตัดเกรดการทำงานของตนเอง แต่ขอให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน ส่วนหน้าที่ของตนคือตื่นเช้าไปทำงาน

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising