นับเป็นความตื่นเต้นสำหรับแฟนเพลงทั่วประเทศ เมื่อซูเปอร์สตาร์ดาวเด่นของไทย เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ ปล่อยโปรเจกต์ในชื่อ ‘Bird Mini Marathon’ ร่วมกับศิลปินอีก 8 ชีวิต แสตมป์ อภิวัชร์, อะตอม ชนกันต์, UrboyTJ, Getsunova, Boom Boom Cash, Labanoon, Big Ass และ Polycat ในการรวมตัวทำเพลงกับศิลปินรุ่นใหม่หลากหลายแนวในสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นตัวของตัวเอง
Bird Mini Marathon คือสตูดิโออัลบั้มลำดับที่ 17 ของเบิร์ด ธงไชย มีทั้งหมด 8 เพลง ได้แก่ Okay ที่ร่วมงานกับ UrboyTJ, พริบตา เพลงที่ร่วมงานกับแสตมป์ อภิวัชร์, ชีวิตเดี่ยว การร่วมงานกับวง Getsunova, ผู้ต้องหา เพลงที่ทำร่วมกับวง Labanoon, พี่เปิดให้ เพลงที่ร่วมงานกับวง Boom Boom Cash, กำแพง เพลงย้อนไปยุค 80s กับวง Polycat, กว่าจักรวาล เพลงที่ทำงานกับอะตอม ชนกันต์ และ สิ้นสุดคือจุดเริ่มต้น เพลงที่ร่วมงานกับวง Big Ass โดยที่ อ๊อฟ บิ๊กแอส รับหน้าที่ Executive Producer ให้กับอัลบั้มนี้ด้วย
THE STANDARD ชวน อะตอม-ชนกันต์ รัตนอุดม มาพูดคุยถึงความรู้สึกและประสบการณ์ที่ได้ร่วมงานกับไอดอลในดวงใจ อะตอมเปิดเผยว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอและคุยกับพี่เบิร์ดอย่างใกล้ชิด รวมถึงเพลง กว่าจักรวาล ที่เขาแต่งเองทั้งหมดก็นึกไม่ถึงว่าจะได้พี่เบิร์ดมาเป็นคนร่วมร้อง เหมือนความฝันในวัยเด็กกลายเป็นความจริง เป็นประสบการณ์หนึ่งในชีวิตที่จะไม่ลืม
ชื่อ เบิร์ด ธงไชย เป็นอย่างไรในความคิด
ตอนเด็กๆ ก็ไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นใคร รู้แต่ว่าทุกที่ ทุกสื่อ ละคร หนัง เพลง มีพี่เบิร์ดหมด พอรู้เรื่องมากขึ้นก็รู้สึกทึ่งว่าพี่เบิร์ดรักษามาตรฐานและจุดยืนของตัวเองให้อยู่ตรงนั้น 20-30 ปีได้อย่างไร รู้สึกว่าเขาเป็นแบบอย่างให้กับศิลปินรุ่นใหม่ทั้งการวางตัว การแสดง อะไรที่เป็นปัจจัยที่ดีที่ศิลปินควรมี เราก็จะเห็นพี่เบิร์ดมีสิ่งเหล่านั้นเป็นตัวอย่าง เพลงของพี่เบิร์ดมักจะเป็นเพลงให้กำลังใจ แพ้ก็เป็นแพ้แบบมีแสงสว่างให้เห็น ผมประทับใจมากๆ เป็นอะไรที่ผมชื่นชม รวมไปถึงนักเขียนเพลงที่ทำงานให้พี่เบิร์ดทุกเพลง เพราะเวลาพี่เบิร์ดสื่อสารออกมา ฟังแล้วมันสัมผัสหัวใจ มันรู้สึกถึงหัวใจได้จริงๆ
รู้สึกอย่างไรที่ได้เจอตัวจริงของคนที่เราเคยมองอยู่ไกลๆ
ตื่นเต้นมากๆ ทุกคนบอกว่าตื่นเต้นหมดที่จะได้ทำงานกับพี่เบิร์ด จริงๆ ผมเป็นคนตื่นเต้นง่าย แต่วันที่ได้เจอกัน พอผ่านไปสัก 10-15 นาทีมันก็หายตื่นเต้น เพราะพี่เบิร์ดเขาเป็นกันเอง มีความเป็นวัยรุ่น มีพลังงานที่ได้จากการพูดคุย มันทำให้เรารู้สึกสบาย รู้สึกอยากที่จะทำงานด้วยกันต่อไปโดยไม่มีความกดดันอะไรเลย ก็เป็นอะไรที่เราประหลาดใจเหมือนกัน
มันแปลกนะ คนที่เราเห็นในทีวีมาเป็นสิบๆ ปีมานั่งอยู่ด้วยกัน มันน่าจะมีความรู้สึกประหม่ามากกว่านั้น แต่พี่เบิร์ดไม่ได้ทำให้ใครรู้สึกแบบนั้นเลย ผมรู้สึกว่ามันเป็นความตั้งใจของเขาด้วยที่ต้องการจะให้ทุกคนรู้สึกสบายใจและรู้สึกดีที่ได้ทำงานด้วย
พี่เบิร์ดได้ให้ฟีดแบ็กอะไรไหมเมื่อเห็นเนื้อเพลง ‘กว่าจักรวาล’
ผมไม่โดนแก้อะไรเลยครับ ผมว่าทุกคนก็ไม่น่าจะโดนแก้อะไร ตอนคิดโปรเจกต์นี้ขึ้นมา เขาก็คงไม่อยากให้ไปเปลี่ยนตัวตนของศิลปินคนไหนก็ตาม อีกอย่างความเป็นพี่เบิร์ดมันกลบยากอยู่แล้ว เป็นสิ่งที่ไม่มีใครเปลี่ยนได้ แล้วอีกสิ่งที่ประทับใจคือการที่พี่เบิร์ดสามารถกลมกลืนตัวเองเข้ากับทุกคนได้ แล้วออกมามีความเป็นพี่เบิร์ดและศิลปินคนนั้นๆ อยู่ ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้
วันที่ต้องคุมอัดเสียงร้องธงไชย แมคอินไตย์
ผมว่ามันก็หลอนเหมือนกันนะ เสียงที่ได้ยินมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ได้มาคุมเขาร้องแล้ว เป็นประสบการณ์ที่ไม่คิดว่าจะได้เจอ วันนั้นมีผมกับโปรดิวเซอร์อีก 2 คนไปนั่งอัดด้วยกัน พี่เบิร์ดเปิดกว้างมาก “จะให้ทำอะไรว่ามา” พี่เบิร์ดลุยมาก ตอนที่ต้องบอกพี่เขาว่าตรงนี้ไม่เอา ตรงนี้นิ่งหน่อย ผมรู้สึกเกรงใจ แต่สุดท้ายพอพี่เขาเห็นว่าเราไม่กล้าพูด พี่เขาก็บอกเองว่ามีอะไรพูดมาเลย พออัดไปเรื่อยๆ ผมพอใจแล้ว แต่พี่เบิร์ดบอกว่าพี่ไม่เอาพอใช้ เอาดีที่สุด
วันที่เพลงอัดเสร็จ มิกซ์เสร็จเรียบร้อย ฟังครั้งแรกรู้สึกอย่างไร
อย่างแรกเลยที่อาจจะต่างจากคนอื่นที่แต่งเพลงขึ้นมาใหม่คือเพลงนี้ผมเขียนเก็บไว้ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ปี 2 ปี 3 เพราะฉะนั้นผมจะฟังมันบ่อยมากๆ แล้วเพลงนี้เป็นเพลงด้านบวก เกี่ยวกับความรักที่สวยงาม การทำอะไรเพื่อคนที่รัก ซึ่งต่างจากเพลงอื่นๆ ของผมที่กลายเป็นคนร้องเพลงเศร้าไปแล้ว
วันที่รู้ว่าได้ทำโปรเจกต์พี่เบิร์ดก็มีการพูดคุย มีการจับฉลากโจทย์กัน เราก็ลองเลือกเพลงนี้มาเล่นให้ฟังในห้องประชุม แล้วทุกคนถูกใจจนกลายเป็นจุดเริ่มต้น ผมเชื่อว่าข้อความของเพลงนี้มันดี ถ้าพี่เบิร์ดเป็นคนสื่อสารจะออกไปจะทำได้ดีกว่า
ยากไหมกับการที่ต้องอัดเสียงตัวเองลงไปในเพลงทีหลัง
เรื่องของการร้องเพลง แต่ละคนจะแตกต่างกัน เหมือนทุกคนที่มีความคิดไม่เหมือนกัน พูดไม่เหมือนกัน นักร้องก็จะมีการสื่อสารคนละแบบ จากการเล่าเรื่อง เนื้อเสียง อารมณ์ที่มันผ่านตัวเขาออกมา
สำหรับเพลงนี้ยากนะ เพราะเมโลดี้ผมเขียนแบบหนึ่ง แต่พี่เบิร์ดก็ร้องในแบบของตัวเองอีกแบบหนึ่ง ซึ่งมีเทคนิคที่ต่างไป อาจจะไม่ตรงเมโลดี้ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะได้ความเป็นพี่เบิร์ดเข้ามาในเพลง แล้วทำให้มันมีเสน่ห์ของมัน วันที่เราต้องอัดเสียง เราก็พยายามร้องให้เข้ากับพี่เบิร์ดมากที่สุด
วันนี้เสียงเราอยู่คู่กับเสียงพี่เบิร์ดแล้ว เพลง ‘กว่าจักรวาล’ สำคัญกับคุณอย่างไร
เป็นอย่างหนึ่งในชีวิตที่นอกจากความภูมิใจของผมเองแล้ว พ่อแม่และปู่ย่าตายายก็ภูมิใจ เป็นอะไรที่ทำให้เขามีความสุข แล้วผมเองก็มีความสุขมากๆ เพราะผมเชื่อว่าถ้าหมดยุคพี่เบิร์ดแล้วมันจะไม่มีพี่เบิร์ดคนที่สอง จะไม่มีใครในเมืองไทยขึ้นมาอยู่ในเลเวลเดียวกับพี่เบิร์ดได้อีกแล้ว