×

นักวิเคราะห์เสียงแตก! ‘เอเชีย พลัส’ จ่อหั่นกำไร บจ. ปีนี้ หลังไตรมาส 3/65 ออกมาต่ำคาด ขณะที่ ‘ยูโอบี’ ยืนเป้ากำไรทั้งปี ส่วนปีหน้าเห็นตรงกันว่ากำไร บจ.ไทย เติบโต

18.11.2022
  • LOADING...

ผลสำรวจนักวิเคราะห์เกี่ยวกับแนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ปีนี้ พบว่าเริ่มมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน โดยบางแห่งมองว่ากำไร บจ. ในไตรมาส 3/65 จะปรับตัวลดลงแรงกว่า 34% จากไตรมาสที่แล้ว ตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ลดลงอย่างรวดเร็ว กระทบกำไรหุ้นพลังงาน ส่งผลให้ บล.เอเชีย พลัส ปรับลดกำไรทั้งปีนี้ลงทันที ขณะที่ บล.ยูโอบี ยังคงเป้ากำไรปีนี้ เนื่องจากปัจจัยราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงนั้นเป็นไปตามที่คาด

 

ภราดร เตียรณปราโมทย์ รองผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเชีย พลัส กล่าวว่า จากการรวบรวมข้อมูลตัวเลขกำไรของ บจ. ในไตรมาส 3/65 ล่าสุดที่รายงานออกมาพบว่ามีกำไรรวมทั้งสิ้นประมาณ 2.30 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลงแรง 34% จากไตรมาส 2/65 ที่มีกำไรในระดับ 3.50 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำได้ในรายไตรมาส 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


โดยกำไร บจ. ในไตรมาส 2/65 ได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นสูงผิดปกติเกินระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เข้ามาสนับสนุนหุ้นกลุ่มพลังงานให้มีกำไรออกมาที่สูงขึ้นผิดปกติ ซึ่งเป็นกำไรจาก Stock Gain  

 

อย่างไรก็ดี ในช่วงไตรมาส 3/65 ราคาน้ำมันมีการปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว โดยคาดว่าน่าจะลงมาสู่ระดับราคาเฉลี่ยที่ 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่งให้กำไรในหุ้นกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี และวัสดุก่อสร้าง ปรับตัวลงตามอย่างรวดเร็วเช่นกัน ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ มีสัดส่วนกำไรสูงถึง 1 ใน 3 ของกำไร บจ. ทั้งตลาด 

 

ขณะที่ในไตรมาส 3/65 หุ้นกลุ่มที่อ้างอิงกับการบริโภคในประเทศ ได้แก่ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ขนส่ง ค้าปลีกนั้น กำไรสามารถฟื้นตัวได้ค่อนข้างดีมากตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศไทย 

 

ภราดรกล่าวว่า จากเหตุผลดังกล่าว ฝ่ายวิจัยฯ มีการทบทวนปรับคาดการณ์กำไรต่อหุ้น (EPS) ของปี 2565 ลดลง จากเดิมที่ประเมินไว้ที่ 96.1 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 12% จากปี 2564 อยู่ที่ 86 บาทต่อหุ้น เป็น 93.2 บาทต่อหุ้น หรือมีกำไรรวมที่ 1.13 ล้านล้านบาท และมีอัตราการเติบโตลดลงเหลือ 8% ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเพื่อประมาณการตัวเลขที่ชัดเจนอีกครั้ง

 

และจากการปรับคาดการณ์กำไรต่อหุ้นครั้งนี้ ส่งผลกระทบต่อเป้าหมาย SET Index ในสิ้นปีนี้ที่เคยทำไว้จะมี Downside เล็กน้อยจากตัวเลขกรอบเป้าหมายสิ้นปีที่ 1,730 จุด ขยับลงมาเหลือในกรอบ 1,670-1,730 จุด อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามปัจจัยกระแสเงินลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) ซึ่งหากเข้ามาซื้อหุ้นสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ ก็มีโอกาสที่ดัชนีหุ้นไทยจะปรับขึ้นไปสูงกว่าเป้าหมายที่คาดไว้

 

เขากล่าวเพิ่มว่า EPS ในปี 2566 เบื้องต้นประเมินไว้ที่ระดับ 90-100 บาทต่อหุ้น ซึ่งประเมินว่าจะมี Upside การเติบโตของ EPS ในปีหน้าที่ดีขึ้นต่อเนื่องในระดับ 4-6% จากปีนี้ หุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะมีกำไรเติบโตได้ดี คือหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศ 

 

ขณะที่ SET Index ปีหน้าก็มี Downside ตามการเติบโตของ EPS โดยให้เป้าหมายดัชนีหุ้นไทยในสิ้นปีหน้าไว้ที่ 1,700-1,800 จุด

 

ด้านปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยในปีหน้าอยู่ในช่วงของการฟื้นตัวขึ้น จึงมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่น่าสนใจ โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินว่า GDP ไทยในปี 2566 จะขยายตัวได้ 3.3% เป็นอัตราการเติบโตที่สูงกว่าประเทศพัฒนาแล้วที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า GDP ในปีหน้าจะขยายตัวได้เพียง 1% 

 

กลยุทธ์การลงทุนแนะนำให้ Selective เลือกหุ้นที่จะลงทุนมากขึ้น เน้นหุ้นกลุ่มที่เป็น Non-Energy และเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของการบริโภคภายในประเทศ ได้แก่ ค้าปลีก, วัสดุก่อสร้าง, อสังหาริมทรัพย์, อาหาร, การเงิน, ขนส่ง และท่องเที่ยว

 

‘ยูโอบี-เอเชีย เวลท์’ คงประมาณการกำไร บจ. ปีนี้ 

กิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ล่าสุดมีบริษัทจดทะเบียนจำนวนรวมทั้งสิ้น 764 บริษัทที่รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/65 ออกมาแล้ว คิดเป็นสัดส่วน 99.1% ของทั้งตลาด โดยพบว่ามีกำไรสุทธิรวมกัน 2.27 แสนล้านบาท ลดลง 33% จากไตรมาส 2/65 ที่มีฐานกำไรสูงกว่าปกติจากกลุ่มพลังงาน ที่มีกำไรออกมาค่อนข้างสูงจากกำไรสต๊อกน้ำมันตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้น แต่กำไรไตรมาส 3/65 ที่ออกมาเพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือเป็นการเติบโตที่ดี 

 

ส่วนกำไร บจ. ช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 8.54 แสนล้านบาท เติบโตขึ้น 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงในไตรมาส 3/65 ก็เป็นไปตามคาด หลังราคาเริ่มทยอยปรับเข้าสู่สมดุล

 

ดังนั้น กำไร บจ. ไตรมาส 3/65 ที่ออกมานั้น แม้จะเห็นการชะลอตัวจากไตรมาส 2/65 แต่ไม่มีผลกระทบต่อการปรับประมาณกำไรที่ทำไว้ในปีนี้ให้ลดลง ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ฯ ทำบทวิเคราะห์ครอบคลุมหุ้นจำนวน 97 บริษัท คิดเป็นสัดส่วน 71% ของมาร์เก็ตแคปทั้งหมด โดยคาดว่าในทั้งปีนี้จะมีกำไรรวม 8.31 แสนล้านบาท มี EPS ที่ 95 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อน 

 

ขณะที่ในปี 2566 คาดว่าจะมีกำไรรวมอยู่ที่ 9.24 แสนล้านบาท มี EPS ที่ 105 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 11% เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจากหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและบริการที่กำไรจะสามารถฟื้นตัวได้ดี โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมและสนามบิน คือ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) ที่จะได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวได้ดี 

 

อีกทั้งกลุ่มมีเดียที่กำไรมีโอกาสเติบโตดีตามเม็ดเงินโฆษณาที่ฟื้นดีขึ้น รวมถึงหุ้นกลุ่มค้าปลีกและธนาคารพาณิชย์มีโอกาสที่กำไรจะเติบโตดีขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ 

 

นอกจากนี้ยังคงเป้าหมาย SET Index ในสิ้นปีนี้ไว้ที่ 1,660 จุด โดยอ้างอิงราคาปิดกำไรต่อหุ้น (P/E Ratio) ที่ 17 เท่า ส่วนในสิ้นปีหน้าให้เป้าหมายดัชนีไว้ที่ 1,790 จุด อ้างอิง P/E Ratio ที่ 17.5 เท่า

 

ด้าน เบญจพล สุทธิ์วนิช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชีย เวลท์ กล่าวว่า ยังคงประมาณการกำไรในปี 2565 จะมี EPS ที่ 95 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 3.3% จากปีก่อน และในปี 2566 จะมี EPS ที่ 105 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 10.5% จากปีนี้ ถือว่าเป็นการเติบโตในระดับที่ดี เพราะมีปัจจัยบวกจากแนวโน้มเศรษฐกิจของไทยที่มีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจน

 

อีกทั้งการสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นตัวค่อนข้างดีมาก หลังจากสถานการณ์โควิดเริ่มมีแนวโน้มคลี่คลาย ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยมากขึ้น รวมถึง ธปท. ก็ออกมาประเมินว่า GDP ของไทยในปี 2565 จะขยายตัว 3.2% และในปี 2566 ขยายตัวต่อเนื่องดีขึ้นอีกเป็น 3.8%

 

ทั้งนี้ ระยะสั้นตลาดหุ้นไทยมีการเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบดัชนีระหว่าง 1,590 จุด กับระดับ 1,640 จุด โดยยังเป็นไปตามเป้าหมายดัชนีสิ้นปี 2565 ที่บริษัทได้ประเมินไว้

 

โดยยังคงแนะนำให้ Selective Buy หุ้นกลุ่ม Defensive Stock ได้แก่ BDMS, BH และ BEM รวมถึงหุ้นได้ประโยชน์จากธีมเปิดเมือง ซึ่งจะได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นตัว ได้แก่ AOT, BAFS, ERW และ CENTEL

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising