การประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 47 ประจำปี 2025 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่วันที่ 26-28 ตุลาคม ได้เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว โดยในช่วงบ่ายของวันนี้ (28 ตุลาคม) มีพิธีปิดอย่างเป็นทางการ พร้อมการส่งมอบภารกิจให้ฟิลิปปินส์ในฐานะประธานอาเซียนปี 2026 ดำเนินการต่อ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าในหลายวันที่ผ่านมา นานาชาติต่างจับจ้องให้ความสนใจภูมิภาคจากเหตุการณ์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการต้อนรับประเทศสมาชิกใหม่อย่าง ติมอร์-เลสเต, การหยิบอาชญากรรมข้ามชาติอย่างสแกมเมอร์ขึ้นมาถกในที่ประชุม, การเน้นย้ำฉันทมติ 5 ข้อในวิกฤตเมียนมา รวมไปถึงไฮไลต์สำคัญอย่างการปรากฏตัวของ โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา ในฐานะสักขีพยานการลงนามถ้อยแถลงผลการพบหารือฯ ไทย-กัมพูชา ตลอดจนการทำ MOU แร่ธาตุสำคัญสหรัฐฯ – ไทย
THE STANDARD สรุปประมวลเหตุการณ์ และสาระสำคัญของการประชุมผู้นำอาเซียนครั้งนี้ไปพร้อมกัน
ติมอร์-เลสเต เป็นประเทศสมาชิกที่ 11 ของอาเซียน
“ประวัติศาสตร์ได้ถูกสร้างขึ้นแล้ว”
เป็นสุนทรพจน์ส่วนหนึ่งของ ซานานา กุสเมา (Xanana Gusmao) นายกรัฐมนตรีติมอร์-เลสเต พร้อมกับหลั่งน้ำตาแสดงความปีติในพิธีเปิดการประชุมอาเซียนครั้งที่ 47 ซึ่งมีการลงนามความเป็นสมาชิก และประกาศอย่างเป็นทางการว่า อาเซียนได้สมาชิกใหม่ที่รอคอยมานานนับ 14 ปี จนมีการเปรียบเทียบระยะเวลาดังกล่าวว่า ไปสวรรค์ ‘ง่าย’ กว่าการเข้าอาเซียน
อันวาร์ อิบราฮิม นายกฯ มาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนกล่าวว่า การที่ประเทศสมาชิกยอมรับติมอร์ ทำให้ครอบครัวอาเซียนสมบูรณ์ ถือเป็นการตอกย้ำชะตากรรมร่วมกัน และความสัมพันธ์ลึกซึ้งในภูมิภาค ขณะที่ โมฮัมหมัด ฮะซัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของมาเลเซียระบุว่า การต้อนรับ ติมอร์-เลสเต เป็นการเสริมสร้างความมุ่งมั่นร่วมกัน และสร้างศักยภาพรับมือความท้าทายของภูมิภาคในอนาคต
สำหรับติมอร์ อาเซียนถือเป็นโอกาสใหม่และยิ่งใหญ่ ในด้านการค้าและการลงทุนของประเทศ เพราะที่ผ่านมา ติมอร์ต้องต่อสู้กับความยากจน สะท้อนจากการมี GDP เพียง 2 พันล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าเล็กน้อยมาก เมื่อเทียบกับ GDP ของทั้งอาเซียนถึง 3.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์มองว่า การเข้ามาของติมอร์จะช่วยทำให้ประชาธิปไตยในอาเซียนแข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดย ไมเคิล ลีช (Michael Leach) ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ประเทศวิเคราะห์ผ่าน DW ว่า ติมอร์ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเป็น ‘ประชาธิปไตย’ มากที่สุดในอาเซียน หากเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้อาจมีส่วนสำคัญในการกดดันรัฐบาลทหารเมียนมาในอนาคต
‘สแกมเมอร์’ ภัยความมั่นคงใหม่ของภูมิภาค
ในการประชุมสุดยอดอาเซียน – สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 26 อีแจมยอง ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ได้หยิบยกประเด็นสแกมเมอร์ขึ้นมาหารือกับประเทศสมาชิกอาเซียน พร้อมระบุว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติเกาหลีใต้ จะทำงานร่วมกับตำรวจแห่งชาติอาเซียน (ASEANPOL) อย่างใกล้ชิด เพื่อกำจัดศูนย์กลางอาชญากรรมข้ามชาติแบบถอนรากถอนโคน
การประชุมครั้งนี้ยังเน้นย้ำแผนความร่วมมือครอบคลุมทางยุทธศาสตร์ (Comprehensive Strategic Partnership: CSP) โดยเกาหลีใต้จะสนับสนุนชาติอาเซียนในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ การบรรเทาภัยพิบัติ และการเพิ่มพูนศักยภาพความมั่นคงทางทะเล เพื่อบรรลุสันติภาพและเสถียรภาพทั้งภูมิภาค
ขณะที่ นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศระบุว่า ไทยได้แสดงบทบาทผู้นำในการประชุมครั้งนี้ คือ การเป็นเจ้าภาพการประชุมนานาชาติว่าด้วยการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งเกาหลีใต้ก็ยินดีที่จะร่วมมือด้วย
อนึ่ง สมาชิกอาเซียนยังออกปฏิญญาผู้นำอาเซียนว่าด้วยการปราบปรามการฟอกเงิน (Declaration on Combatting Money Laundering) โดยเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกป้องกัน ปราบปราม และอำนวยความสะดวกซึ่งกันและกัน เพื่อจัดการอาชญากรรมฟอกเงิน หรืออาชญากรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การฟอกเงินสกุลเงินดิจิทัล หรือการฉ้อโกงทางไซเบอร์ ซึ่งเป็นไปตามกรอบคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงิน (Financial Action Task Force: FATF)
‘สันติภาพ’ สร้างได้ด้วยทรัมป์ ไทย-กัมพูชา ลงนามถ้อยแถลงผลการหารือร่วมฯ
ไฮไลต์ของการประชุมครั้งนี้ คือ การเยือนเอเชียของทรัมป์ โดยมีมาเลเซียเป็นหนึ่งในจุดหมายหลัก ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ กลายเป็นไวรัลทั่วโซเชียล หลังปรากฏภาพเต้นหยอกล้อกับคณะการแสดงต้อนรับ
ทรัมป์เป็นสักขีพยานร่วมกับอันวาร์ในการลงนาม ‘ถ้อยแถลงผลการพบหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรไทยและนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย’ (Joint Declaration by the Prime Minister of the Kingdom of Cambodia and the Prime Minister of the Kingdom of Thailand on the outcomes of their meeting in Kuala Lumpur, Malaysia) ระหว่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ ไทย กับ ฮุน มาเนต ผู้นำกัมพูชา ซึ่งทรัมป์ให้สัมภาษณ์ในหน้าสื่อว่า ความขัดแย้งระหว่าง 2 ประเทศได้จบลงแล้ว
ล่าสุด อนุทินได้หารือแบบทวิภาคีกับ ฮุน มาเนต นอกรอบการประชุมอาเซียน โดยนายกฯ ไทยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า กัมพูชาถอนอาวุธหนักตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม ขณะที่ทางการไทยกำลังติดตามผลการดำเนินการตาม 4 เงื่อนไข ได้แก่ การถอนอาวุธหนัก, การกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน, การปราบอาชญากรรมข้ามชาติ และการจัดการการรุกล้ำบริเวณชายแดน
ขณะที่ทางการไทยจะเริ่มดำเนินการส่งตัวทหารที่อยู่ในการควบคุมตัวให้กัมพูชา ท่ามกลางการรายงานจาก Reuters ว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้ไทยส่งตัวทหาร 18 นายกลับประเทศโดยทันที
ยึดหลักฉันทมติ 5 ข้อ แก้ไขวิกฤตเมียนมา แสวงหาสันติภาพ
วิกฤตเมียนมายังอยู่ในความสนใจของภูมิภาค โดยผู้นำอาเซียนออกแถลงการณ์ทบทวนฉันทมติ 5 ข้อ พร้อมเรียกร้องให้เมียนมา และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามหลักการดังกล่าว เพื่อบรรลุกระบวนการสร้างสันติภาพ โดยประณามการกระทำรุนแรงต่อพลเรือน และเรียกร้องให้เกิดการเจรจาที่นำไปสู่สันติภาพ ความมั่นคง และเสถียรภาพในภูมิภาค
นอกจากนี้ อาเซียนเน้นย้ำกระบวนการสร้างความไว้วางใจ และเรียกร้องให้เมียนมาดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิงในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา รวมถึงรับทราบถึงคำเชิญการสังเกตการณ์การเลือกตั้งเมียนมาในเดือนธันวาคม 2025 แต่หมายเหตุว่า รัฐบาลทหารต้องยุติความรุนแรง และการเจรจาทางการเมืองอย่างครอบคลุมก่อนเลือกตั้ง
ขณะเดียวกัน อาเซียนยังสนับสนุนให้เมียนมาทำงานกับคู่เจรจานอกภูมิภาค เช่น UN เพื่อแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ได้แก่ การค้ามนุษย์ ภัยคุกคามทางไซเบอร์ การหลอกลวงทางออนไลน์ การค้ายาเสพติด การพลัดถิ่น และความเสี่ยงด้านความมั่นคงอื่นๆ
อนึ่ง สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศระบุว่า สถานการณ์เมียนมาได้รับการหารือน้อยกว่าครั้งที่ผ่านมา ซึ่งตนคิดว่า ประเทศสมาชิกควรจะพูดคุยมากกว่านี้ เพราะในเดือนธันวาคมที่กำลังจะถึง เมียนมาจะมีการเลือกตั้งระดับชาติ ทำให้ไทยและภูมิภาคอาจเผชิญความท้าทาย เพราะชาติตะวันตกอาจไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งของรัฐบาลทหาร
MOU แร่ธาตุสำคัญ สหรัฐฯ-ไทย กระทรวงต่างประเทศยืนยันไม่เลือกข้างทางภูมิรัฐศาสตร์
นอกจากการลงนามถ้อยแถลงการหารือร่วมฯ สหรัฐฯ และไทยยังลงนามบันทึกความเข้าใจไทย-สหรัฐฯ ว่าด้วยความร่วมมือในการกระจายห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญ โดยไม่มีผลผูกมัดในแง่กฎหมาย และมีเป้าหมายเสริมสร้างการค้า การลงทุน รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยี การวิจัย การพัฒนา และการประยุกต์ใช้เชิงนวัตกรรมของประเทศ
อนึ่ง นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศระบุว่า MOU ดังกล่าวเป็นข้อเสนอจากสหรัฐฯ ถือเป็นความตกลงที่ไม่มีข้อผูกมัดทางกฎหมาย และเป็นไปตามกฎหมายของแต่ละประเทศ พร้อมยืนยันว่า ท่าทีของไทยไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเลือกข้างทางภูมิรัฐศาสตร์ เพราะไทยก็เปิดกว้างและยินดีร่วมมือกับจีนเช่นเดียวกัน
ขณะที่สีหศักดิ์ชี้แจงว่า หลังจากนี้ไทยต้องคุยกับรัฐบาลสหรัฐฯ เรื่องการพัฒนาทรัพยากรแร่ธาตุสำคัญ ทั้งในแง่ว่า ทรัพยากรไทยมีมากน้อยแค่ไหน หรือสหรัฐฯ จะทำอย่างไร หากไทยมีโครงการร่วมลงทุน พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาศึกษาการพัฒนา และผลกระทบรอบด้าน
อย่างไรก็ดี ในทริปเอเชียครั้งนี้ สหรัฐฯ ยังทำ MOU แร่ธาตุสำคัญร่วมกับมาเลเซีย และญี่ปุ่น หากแต่มีรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไป
จับตาอาเซียนปี 2026 ฟิลิปปินส์รับไม้ต่อมาเลเซีย หนุนประเด็นทะเลจีนใต้-เมียนมา
ในพิธีปิดการประชุมอาเซียน อันวาร์ได้ส่งมอบวาระประธานอาเซียนให้ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ (Ferdinand Marcos Jr.) ผู้นำฟิลิปปินส์ในนามประธานอาเซียนปี 2026 ซึ่งจะมีผลอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มกราคม 2026
มาเรีย เทเรซา ลาซาโร (Maria Theresa Lazaro) รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ระบุว่า ฟิลิปปินส์ตระหนักถึงบทบาทของประเทศในฐานะเจ้าภาพอาเซียนดี และจะทำให้ทุกฝ่ายมั่นใจว่า ปัญหาภายในจะไม่กระทบต่อการเป็นผู้นำในภูมิภาค โดยจะยึดผลประโยชน์ร่วมกันของชาติอาเซียนเป็นหลักในการดำเนินนโยบาย
สำหรับวาระหลักของฟิลิปปินส์ในปี 2026 ลาซาโรชี้แจงว่า ประเทศพร้อมผลักดันการจัดทำเอกสารประมวลการปฏิบัติในทะเลจีนใต้ (CoC) ให้เสร็จสมบูรณ์ภายใน 3 ปี และสานต่อสิ่งที่มาเลเซียกระทำมา คือ การสร้างสันติภาพในเมียนมา พร้อมระบุว่า ทุกประเทศในอาเซียนต้องการให้เมียนมาจัดการเลือกตั้งอย่างยุติธรรม โปร่งใส และน่าเชื่อถือ รวมถึงต้องมีการเจรจาก่อนการเลือกตั้ง
อนึ่ง ฟิลิปปินส์เป็นประธานอาเซียน 2026 แทนเมียนมา โดยเป็นการตัดสินใจในที่ประชุมภายในโดยไม่มีฝ่ายใดคัดค้าน และไม่มีการเปิดเผยสาเหตุ แต่คาดว่า อาเซียนตัดสินใจ เพราะไม่ต้องการให้รัฐบาลทหารมีบทบาทสำคัญในอาเซียน ซึ่งไม่สามารถบรรลุฉันทมติ 5 ข้อได้
ภาพ: Chalinee Thirasupa / Reuters
อ้างอิง:
- https://www.dw.com/en/whats-next-for-timor-leste-as-it-joins-asean/a-74188248
- https://thediplomat.com/2025/10/history-is-made-timor-leste-becomes-aseans-11th-member/
- https://bernama.com/en/region/news.php?id=2483495
- https://asean.org/wp-content/uploads/2024/10/4-Final_Review-and-Decision-of-the-ASEAN-LEADERS-on-the-5PC-2024.pdf
- https://www.freemalaysiatoday.com/category/nation/2025/10/28/malaysia-hands-over-asean-chairmanship-to-the-philippines
- https://www.aljazeera.com/news/2023/9/5/myanmar-will-not-be-allowed-asean-leadership-in-2026
- https://www.straitstimes.com/asia/se-asia/philippines-says-ready-to-chair-asean-in-2026-instead-of-myanmar


