×

คนใช้ Apple Music เฮ! Apple อัปเกรดให้ใหม่ รองรับระบบเสียงตามตำแหน่งพ่วง Dolby Atmos ฟังไฟล์ Lossless ได้แล้ว

18.05.2021
  • LOADING...
Apple Music

เอาใจแฟนๆ ที่ใช้งาน Apple Music และคนรักเสียงเพลงคุณภาพสูงกันแบบจัดเต็ม เมื่อ Apple ได้ยกเครื่องบริการสตรีมมิงมิวสิกของพวกเขาให้รองรับคุณภาพเสียงที่ดีมากขึ้นกว่าเดิม โดยเพิ่มฟีเจอร์การใช้งานด้านเสียงให้เจ๋งขึ้นกว่าเดิม ทั้งการรองรับ ‘ระบบเสียงตามตำแหน่ง (Spatial Audio)’ รองรับ Dolby Atmos และเพิ่มความละเอียดของไฟล์เสียงแบบ Lossless กับเพลงในคลังกว่า 75 ล้านเพลง เริ่มใช้งานได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายนนี้เป็นต้นไป

 

เริ่มต้นที่ระบบเสียงตามตำแหน่ง หรือ Spatial Audio และ Dolby Atmos ชื่อก็บอกอยู่แล้วถึงความสามารถนี้ ดังนั้นผู้ใช้งาน Apple Music จึงสามารถรับฟังเพลงบนแพลตฟอร์มของพวกเขาซึ่งจะแสดงผลเสียงโอบล้อมผู้ฟังตามทิศทางรอบตัว (คล้ายๆ กับตัวอย่างการสาธิตฟีเจอร์ใหม่นี้กับอุปกรณ์ AirPods Pro ในงาน WWDC เมื่อปีที่แล้ว ถ้ายังจำกันได้) และยังสามารถเล่นแทร็กแบบ Dolby Atmos ได้อีกด้วย (เพลงที่รองรับ Dolby Atmos จะมีป้ายแท็กติดกำกับไว้ใต้แถบเวลาของเพลงที่เราฟัง)

 

ส่วนคุณภาพไฟล์เสียงแบบ Lossless นั้น Apple เผยว่า พวกเขาจะใช้ ALAC (Apple Lossless Audio Codec) ในการรักษารายละเอียดของไฟล์เสียงต้นฉบับให้สมบูรณ์ที่สุดเพื่อทำให้สมาชิก Apple Music สามารถสัมผัสประสบการณ์ด้านการฟังเพลงที่เต็มอิ่มขึ้นและมีคุณภาพกว่าเดิม 

 

โดยที่เสียง Lossless ของ Apple จะเริ่มที่คุณภาพระดับ CD หรือ 16 บิต ที่ 44.1 kHz และสูงสุดถึงระดับ 24 บิต ที่ 48 kHz รวมถึงมี Hi-Resolution Lossless สูงสุดถึงระดับ 24 บิต ที่ 192 kHz1 ซึ่งสมาชิก Apple Music เวอร์ชันล่าสุดสามารถเริ่มฟังเสียงแบบ Lossless ได้โดยเข้าไปที่ การตั้งค่า > เพลง > คุณภาพเสียง แล้วเปิดใช้งาน 

 

ความเจ๋งคือคุณสมบัติการฟังเพลงแบบ Spatial Audio และ Dolby Atmos หรือ Lossless นี้ ผู้ใช้งาน Apple Music ผ่านระบบปฏิบัติการ iOS ทุกคนจะสามารถใช้งานได้ทันทีในเดือนมิถุนายนโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติมให้วุ่นวาย หรือมีการแบ่งเทียร์สมาชิกผู้ใช้งาน (ผู้ใช้ Apple Music บน Android ยังต้องรอต่อไป) และ Apple ก็จะทยอยเพิ่มเพลงบนคลังของพวกเขาที่รองรับการฟังแบบ Spatial Audio และ Dolby Atmos เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อจากนี้ 

 

ในเชิงการทำงานของศิลปินนั้น Apple อธิบายว่า จะไม่ได้เปลี่ยนที่วิธีการอัดเสียง แต่จะเปลี่ยนในเชิงกระบวนการการมิกซ์เพลงที่ต่างออกไปจากเดิม ซึ่งศิลปินสามารถออกแบบตำแหน่งของเสียงที่ต้องการจะให้ปรากฏในเพลงเพื่อรองรับการฟังแบบ Spatial Audio และ Dolby Atmos กลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางการเพิ่มความสร้างสรรค์ในการผลิตผลงานเพลงให้มากและหลากหลายขึ้นกว่าเดิม

 

อย่างไรก็ดีเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจก่อนก็คือ ส่วนใหญ่แล้วการฟังเพลงในโหมด Spatial Audio บน Apple Music จะไม่มีข้อจำกัดที่ยุ่งยาก โดยผู้ใช้งานสามารถใช้อุปกรณ์ AirPods, AirPods Pro, AirPods Max, BeatsX,​ Beats Solo3 Wireless,​ Beats Studio3, Powerbeats 3 Wireless, Beats Flex, Powerbeats Pro หรือ Beats Solo Pro ฟังได้เลย (เรียกง่ายๆ ว่ารองรับอุปกรณ์ทุกรุ่นที่มีชิป Apple H1 หรือ W1 และลำโพงในตัวของ iPhone, iPad และ Mac รุ่นล่าสุดด้วย)

 

ต่างจากการฟังเพลงที่เป็นไฟล์เสียงคุณภาพสูงแบบ Hi-Resolution Lossless ซึ่งมีข้อจำกัดที่ซับซ้อนและยากกว่า จึงจำเป็นต้องใช้กับอุปกรณ์ภายนอกหรือตัวแปลงสัญญาณดิจิทัลเป็นอะนาล็อก (DAC) เชื่อมต่อแบบ USB กับอุปกรณ์ต้นทางของ Apple เข้ากับอุปกรณ์ปลายทางจำพวกเครื่องเสียงแบบ Home Theater อีกที (แต่สามารถฟังคุณภาพแบบ Regular Lossless ได้ผ่านหูฟังของ Apple ปกติ) 

 

นั่นหมายความว่า การฟังแบบ Hi-Resolution Lossless จึงไม่รองรับการฟังบน AirPods, AirPods Max หรือ AirPods Pro หรือการฟังเพลงผ่านการเชื่อมต่ออุปกรณ์บนบลูทูธนั่นเอง


พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising