บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เปิดเผยความคืบหน้าของการดำเนินงานโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ (North Expansion) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยระบุว่าเป็นโครงการที่ผ่านการศึกษาและได้รับคำแนะนำจากการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) มาอย่างถูกต้อง และเชื่อว่าน่าจะสามารถแก้ไขปัญหาผู้โดยสารแออัดในสนามบิน รวมถึงการโดยสารรถบัสไปขึ้นเครื่องบินได้
“ทอท. ขอชี้แจงว่า ทอท. ปฏิบัติตามหลักการของแผนแม่บทเดิม ซึ่งจำเป็นต้องมีการปรับปรุงทุก 5 ปี ตามเกณฑ์มาตรฐานสากล และได้เริ่มจัดทำแผนแม่บท (Master Plan) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมาตั้งแต่ปี 2536 ซึ่งองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ได้ศึกษาและแนะนำให้มีการปรับปรุงแผนแม่บทท่าอากาศยานทุกๆ 5 ปี หรือเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทของธุรกิจการบินที่เปลี่ยนแปลงไป โดยได้เร่งรัดดำเนินการตามหลักการของแผนแม่บทเดิม ซึ่งยังคงดำเนินการพัฒนาท่าอากาศยานจากด้านทิศเหนือไปยังทิศใต้ โดยมิได้มีการชะลอโครงการแต่อย่างใด
“แต่เมื่อ ICAO ได้ปรับปรุงแผนแม่บทตามเกณฑ์กรอบระยะเวลาดังกล่าวในปี 2554 ซึ่งเป็นภาวะที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิรองรับผู้โดยสารเกินขีดความสามารถนั้น ICAO จึงได้แนะนำให้ปรับปรุงแผนแม่บทเดิม โดยมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรในแผนแม่บทฉบับดังกล่าวว่า จากข้อเสนอเดิมที่ให้ขยายอาคารที่ปลายทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตกนั้น จะยากมากสำหรับการดำเนินการเมื่ออาคารยังถูกใช้งานที่เต็มขีดความสามารถอยู่
“ดังนั้น วิธีการแก้ปัญหาคือการย้ายกระบวนการผู้โดยสารในประเทศไปยังบริเวณอื่น และปรับบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่บริการผู้โดยสารระหว่างประเทศทดแทน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการให้บริการน้อยกว่า”
ทอท. จึงยังยึดแนวทางเดิมของ ICAO ที่แนะนำให้ต่อขยายอาคารเทียบเครื่องบิน A ออกไปในตำแหน่งเดิมที่ ICAO เคยแนะนำทางด้านทิศเหนือ โดยปรับเพียงวิธีการบริหารจัดการอาคารดังกล่าวให้เหมาะสมกับจำนวนและแนวโน้มผู้โดยสารตามคำแนะนำของผู้ใช้งานโดยตรง ซึ่งในเชิงอุตสาหกรรมทางการบิน จะต้องไม่ยึดติดกับแผนแม่บทที่อาจไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง
ส่วนถามว่าแก้ปัญหาตรงจุดหรือไม่ ทอท. ยืนยันว่าตั้งใจจะแก้ปัญหาความแออัดที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยเอาปัญหาของผู้ใช้งานเป็นที่ตั้ง และได้รวบรวมความเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องในประเด็นปัญหาต่างๆ ผ่านการพูดคุยกับผู้ใช้บริการ สายการบิน และผู้ประกอบการอย่างครบถ้วน จึงมั่นใจได้ว่า จะสามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด
ทั้งปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณชานชาลาอาคารผู้โดยสาร การใช้เวลารอนานทั้งในขั้นตอนการตรวจหนังสือเดินทาง ซึ่งมีจำนวนเคาน์เตอร์จำกัด จุดรับกระเป๋าและเคาน์เตอร์เช็กอินไม่เพียงพอ รวมถึงการมีหลุมจอดด้านตะวันออก (จุดที่จะมีการต่อขยาย) แต่อากาศยานต้องไปขึ้นทางทิศตะวันตก
ซึ่งก่อนหน้านี้ปัญหาดังกล่าวจะทำให้เกิดการตัดของการจราจรทั้งรถบัสที่ไปส่งผู้โดยสารขึ้นเครื่องฯ และเกิดการตัดของการจราจรอีกครั้งเมื่อเครื่องฯ จะมาขึ้นในทางวิ่ง (Runway) ด้านตะวันออก เมื่อมีส่วนต่อขยายทางทิศเหนือจึงจะสามารถลดปัญหาเดิมที่จะต้องนำรถบัสไปส่งผู้โดยสารขึ้นเครื่องได้ เป็นต้น
“ทอท. ไม่ได้เมินหน่วยงานรัฐ ยืนยันดำเนินการตามกระบวนการ โดยหลังจากนี้จะต้องขอความเห็นชอบจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องต่อไป มิได้ข้ามขั้นตอน หรือสามารถจะมีอภิสิทธิ์เหนือกฎเกณฑ์ใดๆ สำหรับประเด็นที่ว่า ทอท. ไม่สนใจคำทักท้วงและข้อเสนอแนะนั้น ทอท. ขอยืนยันว่า นอกจาก ทอท. ต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของบ้านเมืองตามขั้นตอนทางกฎหมายแล้ว ทอท. ได้ดำเนินการโครงการนี้ตามคำสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมที่ให้มุ่งเน้นหลักธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้ อันนำมาซึ่งกระบวนการรับฟังความคิดเห็น และรวบรวมข้อเสนอแนะจากส่วนงานที่เกี่ยวข้องข้างต้น
“ยืนยันว่า ได้ดำเนินการตามกระบวนการลงทุนของประเทศทุกขั้นตอน โดยหลังจากนี้ ฝ่ายบริหาร ทอท. จะนำข้อมูลประกอบการตัดสินใจนี้เสนอที่ประชุมคณะกรรมการ ทอท. ในวันพุธที่ 20 พฤศจิกายน 2562 หากคณะกรรมการฯ เห็นชอบก็จะนำเสนอกระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นกระทรวงต้นสังกัด และ สศช. เพื่อกลั่นกรองความเหมาะสม และนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป”
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
