×

‘AOT’ เผย จีนเปิดประเทศเดือน ม.ค. เป็นไปตามคาด พร้อมย้ำเป้าผู้โดยสารปีหน้า 96 ล้านคน ด้าน ‘เอเซีย พลัส’ ลุ้นนักท่องเที่ยวแตะ 30 ล้านคน

27.12.2022
  • LOADING...

กรณีรัฐบาลจีนประกาศยกเลิกมาตรการกักตัวสำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศจีน โดยมีผลตั้งแต่ 8 มกราคม 2566 เป็นต้นไป ทางผู้บริหาร บมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือ AOT ระบุว่าเป็นไปตามคาดการณ์ และยังไม่ได้สร้าง Upside ต่อประมาณการจำนวนผู้โดยสารเดิม ขณะที่ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ประเมินว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางเข้าไทยจะทยอยฟื้นตัวขึ้น มี Upside ในปี 2566-2567 อยู่ที่ 20-30 ล้านคน

 

นิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของ AOT เปิดเผยกับ THE STANDARD WEALTH ว่า กรณีที่ประเทศจีนเปิดประเทศนั้นเป็นไปตามสมมติฐานล่าสุดที่ทางบริษัทแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ โดยมีมุมมองว่าจีนจะเริ่มทยอยเปิดประเทศในเดือนมกราคม 2566 ดังนั้นข่าวการเปิดประเทศของจีนจึงไม่ได้สร้าง Upside ต่อประมาณการเดิมของจำนวนผู้โดยสาร อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาการฟื้นตัวของผู้โดยสารต่างประเทศจากส่วนอื่นๆ ถือว่าสูงกว่าคาดการณ์ประมาณ 7% ส่วนในประเทศสูงกว่า 2%

 

ทั้งนี้ AOT คาดการณ์ว่า ผลการดำเนินงานตามงวดบัญปีในปี 2566 (1 ตุลาคม 2565 ถึง 30 กันยายน 2566) ของบริษัทภายใต้ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง จะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นถึง 96 ล้านคน ฟื้นตัวจากปีก่อน 68%

 

ด้าน บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า กรณีที่สื่อต่างประเทศรายงานว่า จีนประกาศยกเลิกนโยบายกักตัว โดยผู้เดินทางเข้าประเทศจีนจะแสดงเพียงผล PCR Negative ภายใน 48 ชั่วโมง ตั้งแต่ 8 มกราคม 2566 นั้น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อประเด็นดังกล่าว เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนคิดเป็นสัดส่วนถึง 30% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาประเทศไทยในปี 2562 หรือประมาณ 40 ล้านคน อีกทั้งช่วงเวลาในการเปิดประเทศของจีนถือว่าลงตัว ทั้งเป็นช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีนในวันที่ 22 มกราคม 2566 ซึ่งชาวจีนนิยมออกเดินทางท่องเที่ยวและยังอยู่ในช่วง High Season ของการท่องเที่ยวไทย คือในไตรมาส 4 และไตรมาส 1

 

ประกอบกับไทม์ไลน์การเปิดประเทศที่ชัดเจน ซึ่งจะช่วยให้สายการบินสามารถวางแผนจัดการเส้นทางการเดินทางไปจีนได้ดีขึ้น จึงคาดว่าเส้นทางการบินไปจีนจะฟื้นตัวตลอดช่วงที่เหลือของปี

 

ทั้งนี้ หากพิจารณานักท่องเที่ยวโซนเอเชียเหนือที่เดินทางมาไทยตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2565 (ไทยเปิดประเทศเต็มรูปแบบ) ถึงเดือนพฤศจิกายน 2565 พบว่าการฟื้นตัวเทียบเท่ากับ Pre-COVID และทยอยไต่ระดับ อย่างเกาหลีใต้ ช่วงเดือนกรกฎาคม 2565 มีการเดินทางมาไทยคิดเป็นสัดส่วน 36% ของ Pre-COVID ก่อนที่เดือนพฤศจิกายน 2565 จะเร่งตัวมาอยู่ที่ 59% จากเดือนพฤศจิกายน 2562 ส่วนญี่ปุ่นเดินทางมาไทยเดือนกรกฎาคม 2565 อยู่ที่ระดับ 21% ของ Pre-COVID และเดือนพฤศจิกายน 2565 คิดเป็นสัดส่วน 30% จากเดือนพฤศจิกายน 2562

 

ดังนั้นฝ่ายวิจัยจึงคาดหมายการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนมาไทยอยู่ในรูปแบบเดียวกัน ทยอยไต่ระดับและจะเห็นภาพชัดเจนมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 กรณีที่ฟื้นตัวมาที่ 40-50% จากปี 2562 นักท่องเที่ยวจีนมาไทยจะอยู่ที่ 4.4-5.5 ล้านคน และกรณีที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภาคท่องเที่ยวไทยทำการตลาดกับนักท่องเที่ยวจีนได้ดี อาจเปิด Upside ต่อประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยปี 2566-2567 ที่ 20-30 ล้านคน

 

ด้านผลต่อหุ้นในกลุ่มโรงแรมและการท่องเที่ยว ให้น้ำหนักไปที่หุ้นที่มีโครงสร้างรายได้จากไทยเป็นหลัก นำโดยสนามบินที่เป็นประตูสู่ประเทศไทยอย่าง AOT ตามด้วย ERW ประมาณ 90%, CENTEL ราว 34% (มัลดีฟส์ 7% และร้านอาหาร 59%) ส่วน MINT (FV@B38) สัดส่วนรายได้มาจาก NH Hotel ราว 50% และร้านอาหารประมาณ 18% ของรายได้ โดยทั้งหมดอิงโครงสร้างรายได้ปี 2562 จึงได้ประโยชน์น้อยสุดในกลุ่มนี้ แต่การฟื้นตัวของโรงแรมใน EU เกิน Pre-COVID ตั้งแต่ 3Q65 อีกทั้งโครงสร้างธุรกิจกระจายตัว รวมถึงราคาหุ้นจากต้นปีนี้ถึงปัจจุบันยัง Laggard กลุ่มนี้จึงให้คำแนะนำซื้อ

 

สำหรับ Top Pick ของหุ้นกลุ่มโรงแรม เลือก AOT (FV@B80) และ CENTEL (FV@B54) มีจุดแข็งที่สุดในกลุ่มนี้ ในเชิงของโครงสร้างทางการเงินที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง ผ่านสัดส่วน IBD/E ต่ำกว่า 1 เท่า ขณะที่ Mid-Small Cap เลือก ERW ([email protected]) ที่มีโครงสร้างรายได้จากไทยมากสุดในกลุ่มโรงแรม

 

ขณะที่ราคาหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยววันนี้ (27 ธันวาคม) ตอบรับในเชิงบวก โดยหุ้น AOT ในช่วงการซื้อขายภาคเช้ามีมูลค่าซื้อขายสูงสุด โดยมีราคาปิดที่ 75.25 บาท บวก 2.03%, CENTEL ราคาปิดที่ 50.75 บาท บวก 2.01%, MINT ราคาปิดที่ 32.25 บาท บวก 2.38%, BA ราคาปิดที่ 13.40 บาท บวก 4.69% และ AAV ราคาปิดที่ 3 บาท บวก 4.17%


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising