วันนี้ (16 ธันวาคม) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การจัดงานเทศกาลปีใหม่ที่มีการรวมตัวมากกว่า 1,000 คน ต้องใช้มาตรการ COVID Free Setting ผู้จัดงานและผู้เข้าร่วมงานต้องฉีดวัคซีนครบโดส และต้องตรวจ ATK ก่อนเข้าร่วม เพื่อเฝ้าระวังอย่างสูงสุด ส่วนการจัดงานที่ต่ำกว่า 1,000 คน ผู้เข้าร่วมงานต้องมีผลวัคซีนครบโดส และที่สำคัญ ทุกคนยังต้องคงมาตรการป้องกันตนเองสูงสุดตลอดเวลา ทั้งการใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง และล้างมือ ถ้าทำตามมาตรการเหล่านี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาที่เกินความควบคุม
โดยยืนยันว่ามาตรการไม่ได้ตึงจนเกินไป และจะช่วยให้ทุกคนปลอดภัย ส่วนเรื่องการดื่มสุราช่วงปีใหม่ ย้ำว่าอนุญาตแค่เพียงวันเดียว คือช่วงคืนสิ้นปีจนถึงเวลา 01.00 น. ของวันที่้ 1 มกราคม 2565 ไม่ใช่ทำได้ทุกวัน ต้องขอความร่วมมือประชาชนเฉลิมฉลองด้วยความตระหนักรู้
นอกจากนี้ อนุทินกล่าวต่อด้วยว่า ส่วนโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ขณะนี้พบไปทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย เนื่องจากเรามีการเปิดประเทศให้คนสัญจรไปมา แต่มีมาตรการและระบบตรวจสอบ โดยผู้เข้ามาอย่างถูกต้องทางท่าอากาศยานจะต้องมีผลตรวจ RT-PCR ก่อนขึ้นเครื่อง 72 ชั่วโมง มาถึงประเทศไทยต้องตรวจซ้ำ การที่เราตรวจจับได้หมายความว่าระบบการตรวจสอบของเราทำงานได้ดี คนที่ติดเชื้อโอไมครอนจะถูกกักตัวและเข้าสู่ระบบการรักษา ซึ่งคนต่างชาติจะมีประกันสุขภาพวงเงิน 50,000 ดอลลาร์สหรัฐรับผิดชอบ ส่วนคนไทยใช้สิทธิรักษาตามระบบหลักประกันสุขภาพ ขณะที่การลักลอบเข้าผิดกฎหมาย ฝ่ายความมั่นคงจะดูแลอย่างเต็มที่
“ผมเชื่อว่าวัคซีนที่ประเทศไทยฉีดให้สามารถป้องกันโอไมครอนได้ ซึ่งโอไมครอนยังไม่ได้รุนแรงมากไปกว่าเชื้อสายพันธุ์อื่น และกรมควบคุมโรคกำลังเร่งรณรงค์ให้ประชาชนมารับวัคซีนเข็มกระตุ้น ซึ่งเรามีวัคซีนเพียงพอ โดยผู้ที่ฉีดวัคซีนเชื้อตาย 2 เข็ม หรือ AstraZeneca 2 เข็ม เมื่อช่วงกันยายน สามารถมารับเข็มกระตุ้นได้เลย โดยจะมีการแจ้งเตือนประชาชนให้มารับ เนื่องจากมีข้อมูลอยู่แล้ว และกรมควบคุมโรคจะกระจายวัคซีนออกไปให้เร็วที่สุด” อนุทินกล่าว
อนุทินยังได้กล่าวถึงกรณีการออกใบรับรองวัคซีนโควิดปลอม ขณะนี้ทุกโรงพยาบาลที่พบเรื่องดังกล่าวได้ไปแจ้งความเป็นหลักฐานแล้ว ย้ำว่าใบรับรองวัคซีนปลอมเป็นโทษทั้งผู้ออกใบรับรองและผู้ใช้ โดยผู้ใช้ใบรับรองวัคซีนปลอม นอกจากเห็นแก่ตัวยังเป็นการทำร้ายคนในครอบครัว เพราะอาจนำเชื้อโควิดไปแพร่ให้ได้ ส่วนคนออกใบรับรองปลอมก็ผิดกฎหมายอยู่แล้ว
ทั้งนี้ ใบรับรองวัคซีนปลอมสามารถตรวจสอบได้ง่าย เพราะต้องมีคิวอาร์โค้ดที่บอกข้อมูลคนรับวัคซีน ผู้ที่ฉีดให้ ยี่ห้อวัคซีน วันที่ฉีด เพราะฉะนั้นจึงไม่มีประโยชน์ที่จะไปทำ และต้องฝากให้ช่วยกันแจ้งเบาะแส ซึ่งได้ขอความร่วมมือไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ให้ดำเนินคดีอย่างรวดเร็วและเฉียบขาดแล้ว