×

นักวิเคราะห์เตือนระวังลงทุนหุ้น NBC หลังถูก ตลท. จับขังมาตรการกำกับดูแลระดับสอง จากแรงเก็งกำไรที่สูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

29.11.2021
  • LOADING...
NBC

หากจะพูดถึงหุ้นเล็ก ราคาต่ำบาท แต่การเคลื่อนไหวซิ่งแรงในช่วงเวลานี้ คงต้องยกให้กับหุ้น บมจ.เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น (NBC) ซึ่งทำธุรกิจผลิตรายการทีวีดิจิทัลและให้บริการข่าวสาร โฆษณาผ่านสื่อทีวีดิจิทัล และสื่อรูปแบบใหม่ โดยเป็นการแยกธุรกิจ หรือ Spin-off มาจาก บมจ.เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป (NMG) ที่เป็นบริษัทแม่ ซึ่งหุ้นตัวนี้จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ mai

 

โดยในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้านี้ หุ้น NBC ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อนแรง และมีมูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างหนาแน่นผิดหูผิดตา จนกระทั่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต้องจับขังด้วยมาตรการกำกับดูแลระดับที่ 2 คือ ให้ซื้อหุ้นด้วยเงินสดเต็มจำนวน และห้ามคำนวณวงเงินซื้อขาย นั่นหมายความว่า ห้ามสมาชิกหรือโบรกเกอร์ใช้หลักทรัพย์เป็นหลักประกันในการคำนวณเป็นวงเงินซื้อขายหลักทรัพย์ในทุกประเภทบัญชี เพื่อดับความร้อนแรงของหุ้นตัวนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน – 13 ธันวาคม 2564

 

NBC ถือเป็นหนึ่งในหุ้นที่ดื้อยา โดยทีมข่าว THE STANDARD WEALTH ได้สำรวจความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นตัวนี้ย้อนหลังกลับไปในช่วงกว่า 2-3 เดือนที่ผ่านมาพบว่า เคยถูกตลาดหลักทรัพย์ฯ จับขังด้วยมาตรการกำกับดูแลเข้มงวดมาแล้วถึง 3 ครั้ง หลังจากที่ราคาหุ้นซึ่งเคยอยู่ต่ำกว่า 1 บาท มีมูลค่าซื้อๆ ขายๆ หรือวอลุ่มต่อวันต่ำกว่าหลักล้านบาท ได้ส่งสัญญาณความร้อนแรงอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะๆ

 

ความร้อนแรงของหุ้น NBC เกิดขึ้นครั้งแรกในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา เริ่มจากราคาหุ้นที่มีการขยับตัวจากระดับ 0.60 บาท มาแถวๆ 0.90 บาทกว่าๆ ทำให้ในครั้งนั้นหุ้นตัวนี้ต้องถูกจับขังด้วยมาตรการกำกับดูแลระดับที่ 1 คือ สมาชิกต้องดำเนินการให้ลูกค้าซื้อหลักทรัพย์ด้วยบัญชีเงินสด (Cash Balance) เท่านั้น

 

โดยลูกค้าต้องวางเงินสดไว้ล่วงหน้ากับสมาชิกเต็มจำนวนก่อนซื้อหลักทรัพย์ ระหว่างวันที่ 8-28 กันยายน 2564 ซึ่งผลของมาตรการก็สามารถดับความร้อนแรงของหุ้นลงได้บ้าง กดดันให้ราคาหุ้นไม่สามารถพุ่งทะลุระดับ 1 บาทขึ้นไปได้

 

อย่างไรก็ตาม ในอีก 1 เดือนต่อมา ราคาหุ้นเริ่มกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง จนทะลุระดับ 1 บาทไปได้เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2564 ท่ามกลางวอลุ่มที่หนาแน่นมากขึ้นด้วยเช่นกัน จนมีมูลค่าแตะ 128.78 ล้านบาท นับเป็นการส่งสัญญาณความร้อนแรงอย่างชัดเจนอีกครั้ง ซึ่งในที่สุดก็ถูกตลาดหลักทรัพย์ฯ จับขังด้วยมาตรการกำกับดูแลระดับที่ 1 อีกเช่นเดิม โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1-19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

 

ผลของมาตรการกำกับความร้อนแรงในรอบนี้ แม้ว่าจะทำให้ราคาหุ้น NBC ย่อตัวลงไปบ้าง แต่ยังคงยืนอยู่บริเวณใกล้ๆ 1 บาท ขณะที่วอลุ่มการซื้อขายไม่ได้หายไปด้วย ยังคงซื้อขายกันเกินหลัก 10 ล้านบาทต่อวันอย่างต่อเนื่อง แม้บางวันมูลค่าการซื้อขายจะเบาบางลงไปบ้าง แต่ก็ไม่เคยต่ำกว่าหลักล้านบาทเหมือนในอดีต

 

กระทั่งต่อมาเมื่อหุ้น NBC หลุดจากมาตรการกำกับดูแลของตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เพียงวันเดียว ราคาหุ้นก็พุ่งทะยานขึ้นมาทำจุดสูงสุดที่บริเวณ 1.28 บาท ในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 ก่อนจะย่อตัวลงมาปิดตลาดที่ 1.15 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นกว่า 194 ล้านบาท ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ตัดสินใจยกระดับการใช้มาตรการที่เข้มข้นขึ้นเป็นระดับ 2 คือ ห้ามสมาชิกใช้หลักทรัพย์เป็นหลักประกันในการคำนวณเป็นวงเงินซื้อขายหลักทรัพย์ในทุกประเภทบัญชีอีกครั้งทันที มีผลตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน – 13 ธันวาคม 2564

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากตลาดหลักทรัพย์ฯ จับ NBC เข้าสู่มาตรการกำกับดูแลในระดับ 2 ทำให้ราคาหุ้นเริ่มมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง ส่งผลต่อราคาที่เริ่มปรับลดลงอย่างรวดเร็ว โดยล่าสุดปิดตลาดการซื้อขายภาคเช้าของวันที่ 29 พฤศจิกายน ที่ระดับ 1.02 บาท ลดลงจากราคาสูงสุดที่ทำไว้เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ประมาณ 20%  

 

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์รายหนึ่งกล่าวว่า NBC เป็นหุ้นที่ไม่มีการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน และเมื่อเปรียบเทียบกับหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเดียวกันแล้วถือว่ายังมีความน่าสนใจลงทุนที่น้อยกว่า เนื่องจาก NBC เน้นผลิตคอนเทนท์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ไม่ได้หลากหลายหรือตอบโจทย์ผู้ชมในวงกว้างเหมือนกับอีก 3 รายดังกล่าว

 

นอกจากนี้ NBC ยังมีผลการดำเนินงานขาดทุน โดย 9 เดือนแรกของปีนี้ขาดทุนเพิ่มขึ้นเป็น 66.61 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนเพียง 5.73 ล้านบาท

 

อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ปีนี้ที่มีกำไร 19.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 12 ล้านบาทในงวดปีก่อน อาจทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าภาพรวมผลการดำเนินงานทั้งปีในปีนี้มีโอกาสที่บริษัทจะขาดทุนลดลง

 

สำหรับภาพรวมทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมพบว่า สถานการณ์โควิดที่คลี่คลายและการเปิดประเทศ ทำให้มีเม็ดเงินโฆษณาไหลกลับเข้าไปยังสื่อประเภททีวีดิจิทัลมากขึ้นด้วย แต่การเลือกลงทุนนักลงทุนควรพิจารณาเป็นรายตัว เน้นดูปัจจัยพื้นฐาน รวมทั้งต้องติดตามว่าบริษัทจะมีพัฒนาการใดๆ ออกมาเพิ่มเติมหรือไม่ เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising