ท่ามกลางความหลากหลายของสถานการณ์ที่ท้าทายเป็นอย่างมาก แต่ในที่สุดแดนซามูไรก็เดินหน้าจัดมหกรรมการแข่งขันกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษยชาติ โอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 ได้เป็นผลสำเร็จ
ทว่า แม้พิธีเปิดในช่วงเย็นวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา จะค่อนข้างเงียบเหงา เนื่องจากมีผู้คนเพียง 950 คนที่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมในสนามที่มีความจุ 68,000 ที่นั่ง ดังนั้นผู้คนจึงน่าจะไปนั่งอยู่หน้าจอเพื่อดูการถ่ายทอดสดกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง แต่ในความเป็นจริงกลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิด
เพราะตัวเลขที่เปิดเผยจาก NBC เจ้าของลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันจากสหรัฐฯ ระบุว่า การถ่ายทอดสดสามารถดึงดูดชาวอเมริกันได้เพียง 16.7 ล้านคน (เป็นตัวเลขในทุกแพลตฟอร์ม รวมถึงเว็บไซต์ NBCOlympics และแอปพลิเคชัน NBC Sports) ลดลง 37% จากปี 2016 ซึ่งมีผู้ชม 26.5 ล้านคนที่ดูพิธีเปิดริโอเดอจาเนโรเกมส์ และลดลง 59% จากปี 2012 ซึ่งมีผู้คน 40.7 ล้านคนดูพิธีเปิดจากกรุงลอนดอน
ที่น่าสนใจคือ นี่ถือเป็นตัวเลขที่น้อยที่สุดในรอบ 33 ปี ซึ่งต้องย้อนกลับไปในปี 1988 ที่กรุงโซล ซึ่งมีผู้ชมราว 22.7 ล้านคน นอกจากนี้ยังต่ำกว่าการแข่งขันที่กรุงบาร์เซโลนา ปี 1992 ซึ่งมีผู้ชม 21.6 ล้านคน ตามข้อมูลของ Nielsen อีกด้วย
ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างชัดเจนว่า ทำไมการแข่งขันในครั้งนี้ถึงมีจำนวนผู้ชมถ่ายทอดสดที่ลดลง แต่ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเวลาที่ต่างกันถึง 13 ชั่วโมง ทำให้พิธีเปิดที่จัดขึ้นในช่วงหัวค่ำของประเทศญี่ปุ่น แต่เป็นเวลาช่วงเช้าตรู่ที่อเมริกา ทำให้ NBC เลือกแก้เกมด้วยการออกอากาศอีกครั้งในช่วงไพรม์ไทม์
ขณะเดียวกัน ด้วยภูมิทัศน์สื่อและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทาง NBC ระบุว่า ผู้ชมบนแพลตฟอร์มสตรีมเพิ่มขึ้น 76% เมื่อเทียบกับพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2018 ที่เมืองพย็องชังของเกาหลีใต้ และเพิ่มขึ้น 72% เมื่อเทียบกับโอลิมปิกฤดูร้อน ปี 2016 ที่บราซิล แต่ NBC ก็ไม่ได้เปิดเผยตัวเลขที่ชัดเจนว่าจำนวนผู้ชมทั้งหมดมาจากแพลตฟอร์มสตรีมมิงเท่าไรกันแน่
NBCUniversal จ่ายเงิน 7.65 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.5 แสนล้านบาท สำหรับเป็นเจ้าของสิทธิ์การออกอากาศการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกจนถึงปี 2032 ในสหรัฐอเมริกา
ในเดือนมิถุนายน NBCUniversal กล่าวว่า ได้ลงนามกับบริษัทต่างๆ กว่า 120 ราย สำหรับการลงโฆษณาในการแข่งขันครั้งนี้ พร้อมกับเผยว่า รายได้จากโฆษณากำลังทุบสถิติ 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 4 หมื่นล้านบาทที่ทำได้ในการแข่งขันที่ริโอเดอจาเนโร แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยอย่างชัดเจนว่าตัวเลขเม็ดเงินอยู่ที่เท่าไร และมากกว่าตัวเลข 1.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 4.1 หมื่นล้านบาท ก่อนที่การแข่งขันจะถูกเลื่อนหรือไม่
กระนั้น เจฟฟ์ เชลล์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NBCUniversal กล่าวว่า การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่โตเกียวอาจเป็นการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ทำกำไรได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ NBC
ถึงจำนวนผู้ชมจะน้อยลง แต่ก็ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดผลกำไรทั้งหมด เพราะแม้ว่าจำนวนผู้ชมโดยรวมจะลดลงจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ลอนดอน ปี 2012 แต่ NBC ก็ทำเงินได้มากกว่า 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 8 พันล้านบาท จากการรายงานข่าวการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ริโอเดอจาเนโร โดยมียอดขายโฆษณาเพิ่มขึ้นมากกว่า 20% เมื่อเทียบกับการแข่งขันที่กรุงลอนดอน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- นาโอมิ โอซากะ จุดคบเพลิงโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 เปิดฉากการแข่งขันอย่างเป็นทางการแล้ว
- มีเพียง 950 คนที่เข้าร่วมพิธิเปิด Olympic Tokyo 2020 ในสนามที่มีความจุ 6.8 หมื่นที่นั่ง แม้แต่สปอนเซอร์หลัก Toyota และ Panasonic ก็จะไม่ส่งผู้บริหารเข้าร่วม
- ‘มนต์ขลัง’ ที่เสื่อมลง! Toyota ยกเลิกโฆษณาทางทีวีทั้งหมด ซีอีโอจะไม่เข้าร่วมพิธีเปิด Tokyo Olympics 2020 หวั่นกระทบภาพลักษณ์หลังชาวญี่ปุ่นไม่เห็นด้วยต่อการจัดงาน
- 68 สปอนเซอร์ ‘กุมขมับ’ เร่งหาวิธีถอนทุนคืนจากเม็ดเงิน 9.8 หมื่นล้านบาท ที่สนับสนุนโตเกียวโอลิมปิก 2020 หลังไม่มีผู้ชมในสนามอีกแล้ว
ภาพ: Brendan Moran / Sportsfile via Getty Images
อ้างอิง: