“ทำไมมีแฟนแล้วอ้วนขึ้น” คุณอาจจะเคยได้ยินคำถามที่ดูไม่เป็นเหตุเป็นผลเอาเสียเลยเช่นนี้บ่อยๆ แล้วคุณอาจจะตอบพวกเขาว่า “ไม่ใช่เรื่องของเธอ” ก็ได้ เพราะความอ้วนเหล่านั้นเป็นเรื่องของคุณไม่ใช่ของใคร
แต่ความอ้วนที่ ‘เกิดขึ้นในความสัมพันธ์’ ต่างหากที่เราสนใจ และมันมีที่มาที่ไปอย่างเป็นเหตุเป็นผล คุณลองคิดดูว่าตอนคุณยังเป็นโสด คุณรู้สึกว่าคุณน้ำหนักน้อยกว่านี้ ตัวเล็กกว่านี้ แล้วทำไมพอมีแฟนปุ๊บ กลับอ้วนขึ้นล่ะ?
คำตอบก็อาจเป็นเพราะความสุขที่ได้มีคนรักที่ดีอยู่เคียงข้าง ใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุข หมดเปลืองเงินทองไปกับของอร่อย หรือเหตุผลง่ายกว่านั้นก็อาจเป็นเพราะคุณหมดความตั้งใจที่จะต้องทำตัวเองให้ ‘ดูดี’ อยู่เสมอแล้ว ประมาณว่า “ก็ฉันมีแฟนแล้ว ฉันจะต้องดูดีไปมากกว่านี้ทำไม” ราวกับคุณให้ความสนใจกับเรื่องอื่นๆ มากกว่าการดูแลตัวเองไปแล้ว ไหนจะเรื่องการเดต การกิน การใช้ชีวิต ทั้งนี้เรื่องการจัดสรรเวลาก็มีส่วนที่ทำให้คุณดูแลตัวเองน้อยลง เพราะคุณอาจเอาเวลาไปทุ่มให้กับความสัมพันธ์เสียหมด จนคุณเองก็แทบจะกลายเป็น ‘คนคนเดียวกัน’ ไปแล้ว
ถ้าคุณเคยได้ชมภาพยนตร์เรื่อง Eat Pray Love (2010) ภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากนิยายในชื่อเดียวกันของ เอลิซาเบธ กิลเบิร์ต ที่มีสาวบานฉ่ำ จูเลีย โรเบิร์ตส์ นำแสดง คุณจะต้องคุ้นเคยกับบทสนทนาระหว่างนางเอกและแฟนเพื่อนของเธอ ที่พูดจังๆ หน้าว่า “You know how some people look like their dogs?” หรือ “เธอรู้ไหม เขาว่าบางคนก็มีความคล้ายกับสุนัขที่เขาเลี้ยง” ซึ่งเป็นการอุปมาอุปไมยว่า มนุษย์เรามักเปลี่ยนแปลงตัวเองไปตามคนที่เขารัก คล้ายๆ กับอุปนิสัยของสัตว์เลี้ยงที่มักจะมีนิสัยเหมือนเจ้าของ ฟังดูแล้วดูจะเป็นประโยคที่แรงไปนิด แต่หากมองในอีกแง่หนึ่งที่ค่อนข้างจะแง่บวกหน่อย ก็พบว่า คุณเองก็มักจะทำกิจกรรมคล้ายๆ กับคนที่คุณรัก ใช้เวลาร่วมกันในการหากิจกรรมใหม่ๆ ทำ ซึ่งนั่นเป็นการดูแลรักษาความสัมพันธ์ให้คงอยู่อย่างมีความสุข ถึงแม้คุณอาจจะต้องฝืนหรือพยายามทำบางอย่างที่คุณไม่ชอบใจก็ตาม
แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนที่มีความรักจะอ้วนขึ้นหรอกนะ เพราะในขณะเดียวกัน บทความเรื่อง Are Married People Healthier? จากเว็บไซต์ Psychology Today โดย ดร.นีล เบอร์ตัน ได้ศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องสุขภาพของคนที่มีความสัมพันธ์เปรียบเทียบกับคนโสด พบว่า กลุ่มคนที่มีคู่รัก หรือกลุ่มคนที่แต่งงานแล้ว มีแนวโน้มจะดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีขึ้น ทั้งร่างกายและจิตใจ กล่าวคือ เพราะความรักที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์นั้นทำให้พวกเขามีความสุข และหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนั้นกำลังดูแลรักษาสุขภาพของตัวเอง ไม่ว่าจะเข้ายิมหรือควบคุมอาหาร คนรักก็มักจะได้รับแรงบันดาลใจหรือจำเป็นต้องใช้ชีวิตในรูปแบบนั้นๆ ตามไปโดยปริยาย อีกทั้งกลุ่มคนมีคู่ยังมีแนวโน้มของการมองอนาคตเรื่องการทำประกันสุขภาพไว้ด้วย
แต่ก็ไม่ใช่ว่ามีคนรักแล้วคุณจะสุขภาพดีกว่าคนโสดหรอกนะ เพราะในปัจจุบันที่เรามักจะเห็นการที่คนโสดลุกขึ้นมาดูแลตัวเองให้ดูดีอยู่เสมอ ในที่นี้อาจพูดได้ว่า การออกกำลังกายเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนเรารักตัวเองมากขึ้น ไม่ใช่เพื่อการมีหุ่นแซ่บๆ ไว้อวดในอินสตาแกรม แต่หมายถึงการที่คนเราหันมาใส่ใจตัวเองและอยากใช้เวลาที่มีอยู่ให้มีคุณค่าที่สุด รวมไปถึงผลทางอ้อมที่เพิ่มโอกาสให้คนโสดได้ออกเดตมากขึ้น ซึ่งอาจจะไม่ต้องไกลไปถึงการออกกำลังกายก็ได้ เพียงแค่เราเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ควบคุมให้อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ ก็นับเป็นการดูแลตัวเองทางหนึ่งที่ดีแล้ว
แต่ไม่ว่าคุณจะโสดหรือไม่โสด การมีสุขภาพที่ดีก็นับเป็นเรื่องน่ายินดีมากกว่าการมีคู่ครองที่ดีเสียอีก เพราะมันคือสิ่งที่คุณทำแล้วเห็นผลกับร่างกายของคุณเอง และจะดีกว่าหรือไม่ หากการดูแลสุขภาพของคุณนั้นจะสนุกมากขึ้นด้วย ‘เอไอเอ ไวทัลลิตี้ (AIA Vitality) ประกันสำหรับคนรักสุขภาพ’ ที่สนับสนุนให้คุณมีสุขภาพดี ที่ไม่ได้ให้แค่ความคุ้มครองในวันที่คุณป่วยหรือเกิดเรื่องไม่คาดฝัน แต่ยังให้ส่วนลดเบี้ยประกันสูงสุดถึง 25% และยังมีสิทธิประโยชน์อีกมากมาย เช่น ส่วนลดสินค้า Nike 30% ที่ร้าน Playground 360 ที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้คนมีความรัก ชวนกันไปซื้อรองเท้ากีฬาหรือชุดกีฬาใส่เป็นคู่กันก็เก๋ไม่เบา หรือจะเป็นส่วนลด 15% สำหรับซื้อผัก ผลไม้สด และนมพาสเจอร์ไรส์สูตรพร่องมันเนยที่เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์และท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งไม่ว่าคุณจะโสดหรือไม่โสด การเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ก็ดีต่อสุขภาพของตัวคุณเอง เอาล่ะ ทีนี้ไม่ต้องห่วงว่าจะมีคู่หรือยังค้างอยู่บนคาน ขอให้มีสุขภาพดีไว้ก่อน ชีวิตแฮปปี้แน่นอน
สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ aia.co.th/vitality
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: