×

ผลศึกษาชี้ AI ทำคนตกงานเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่ถึงขั้นแทนที่แรงงานมนุษย์

18.12.2023
  • LOADING...
AI คนตกงาน

เมื่อเร็วๆ นี้ อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีนักธุรกิจเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ผู้ให้ความสนใจลงทุนด้านสตาร์ทอัพปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาอย่างต่อเนื่อง ได้แสดงความเห็นยืนยันว่า ในท้ายที่สุดแล้ว AI จะทำให้มนุษย์ทุกคนถึงจุดที่ไม่มีงานทำอีกต่อไป ( No Job is Needed)

 

ความเห็นดังกล่าวดูจะมีความเป็นไปได้ไม่น้อย เมื่อผลการศึกษาล่าสุดของ Resume Builder ที่รายงานการวิเคราะห์กลุ่มผู้นำธุรกิจ 750 รายที่ใช้ AI พบว่า 37% ระบุว่า AI ได้เข้ามาแทนที่พนักงานในปี 2023 ส่วน 44% ระบุว่า จะมีการปลดพนักงานในปี 2024 เพราะการเข้ามาของ AI

 

อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากจากหลายสำนักกลับเห็นว่า ต่อให้ AI จะทำให้คนตกงานเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแรงงานคนจะไม่มีความจำเป็นอีกต่อไปแต่อย่างใด 

 

Julia Toothacre นักกลยุทธ์เรซูเมและอาชีพของ Resume Builder ผู้จัดทำงานวิจัยล่าสุดชี้ว่า ตัวเลขจากงานวิจัยของบริษัทอาจไม่สะท้อนภาพรวมธุรกิจได้อย่างแม่นยำ โดยปัจจุบันยังมีองค์กรแบบดั้งเดิมและธุรกิจขนาดเล็กที่ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีเหมือนกับบริษัทรายใหญ่บางราย ซึ่งจำนวนแรงงานที่จะตกงานจากการเลย์ออฟเป็นความจริงที่ไม่อาจเลี่ยงได้ แต่เทคโนโลยี AI ก็สามารถทำให้กลุ่มผู้นำธุรกิจปรับโครงสร้างและนิยามงานที่คนจะทำขึ้นใหม่

 

ด้าน Alex Hood ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Asana บริษัทซอฟต์แวร์การจัดการโครงการและการทำงานร่วมกัน ประมาณการว่าครึ่งหนึ่งที่เราใช้ในการทำงานคือสิ่งที่เรียกว่า ‘งานเกี่ยวกับงาน’ (Work About Work) ซึ่งในกรณีนี้หมายถึงการอัปเดตสถานะ การสื่อสารข้ามแผนก (Cross-Departmental Communication) และส่วนอื่นๆ ทั้งหมดของงานที่ไม่ใช่ Core หลักที่ AI ขับเคลื่อน เป็นทักษะที่ต้องอาศัยคนเข้ามาจัดการ ซึ่ง Hood ชี้ว่า ถ้าทักษะดังกล่าว AI สามารถเข้าแทนที่ได้ การเข้ามาของ AI ย่อมเป็นการปลดล็อกที่ยอดเยี่ยม 

 

แต่ในความเป็นจริง Asana มองว่า AI ไม่สามารถเข้ามาแทนที่มนุษย์ได้อย่างหมดจด แต่จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพในการทำงานของมนุษย์มากกว่า โดยข้อมูลจากรายงานสถานะของ AI ในที่ทำงาน 2023 บริษัท Asana พบว่า 29% ของพนักงานระบุภาระงานของพวกเขาสามารถใช้ AI ทำแทนได้ 

 

ดังนั้น ในมุมมองของ Asana ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI จะได้รับการพัฒนาในแนวทางที่เรียกว่า ‘AI ที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง’ หรือ ‘Human-Centered AI’ ซึ่งช่วยปรับปรุงความสามารถและการประสานงานของมนุษย์ ไม่ใช่การใช้ AI แทนที่มนุษย์โดยสิ้นเชิงนั่นเอง 

 

ขณะที่ข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ พบว่า เหล่าพนักงานออฟฟิศและเสมียน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 19.6-30.4% ของแรงงานทั้งหมดทั่วโลก ยอมรับว่าเครื่องมือวิเคราะห์และการสื่อสารได้เปลี่ยนเส้นทางความรู้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และ Generative AI ควรได้รับการพิจารณาว่าเป็นอีกส่วนหนึ่งของการพัฒนาในการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องอันยาวนานนี้

 

อย่างไรก็ตาม รายงานเตือนว่าความเหลื่อมล้ำของการเข้าถึงเทคโนโลยี AI ในปัจจุบันเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่า โดยรายงานในปี 2022 พบว่า 34% ของประชากรโลกยังคงไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ดังนั้นการสนทนาใดๆ เกี่ยวกับผลกระทบของ AI ต่อการเลิกจ้างและการปรับโครงสร้างงานที่อาจเกิดขึ้น จำเป็นต้องรวมการพูดคุยถึงความแตกต่างระหว่างเทคโนโลยีที่มีและไม่มีรวมอยู่ด้วย 

 

ขณะเดียวกัน ในฐานะแรงงานยุคใหม่ บรรดาผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า เหล่าแรงงานทั้งหลายต้องเร่งปรับตัวเพื่อเปิดรับสภาพแวดล้อมการทำงานที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยนอกจากการพัฒนาทักษะให้สามารถทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างคล่องแคล่วไร้รอยต่อแล้ว แรงงานทั้งหลายต้องมีการพัฒนาทักษะใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง และเตรียมใจพร้อมที่จะเรียนรู้ในเรื่องใหม่ๆ ตลอดเวลา ยกตัวอย่างเช่น หากได้เรียนรู้ซอฟต์แวร์ใหม่เมื่อ 5 ปีที่แล้ว วันนี้ก็อาจจำเป็นต้องเรียนรู้ซอฟต์แวร์ใหม่ 

 

ขณะเดียวกัน ในขณะที่ตำแหน่งงานด้านการวิจัยและการวิเคราะห์ข้อมูลสอดคล้องกับระบบอัตโนมัติของ AI ยังคงเป็นที่ต้องการมากขึ้นในบริษัทต่างๆ เพื่อให้เข้าใจผลลัพธ์และการดำเนินการของ AI บรรดาผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า บรรดาพนักงานประจำทั้งหลายที่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า AI อาจส่งผลต่อตำแหน่งงานในอุตสาหกรรมของตนได้อย่างไร ต้องเร่งทำความศึกษาเข้าใจ AI เพื่อเตรียมใจเตรียมตัวหาทางรับมือได้ดีมากยิ่งขึ้น เพราะอย่างน้อยก็ดีกว่าจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเลย 

 

ผู้เชี่ยวชาญสรุปปิดท้ายยืนยันว่า แม้การเลิกจ้างครั้งใหญ่อาจเกิดขึ้นอันเป็นผลมาจากเทคโนโลยี AI แต่ก็ไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่บ่งชี้ว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีใดๆ จะส่งผลให้เกิดการว่างงานจำนวนมาก และประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาก็ชี้ให้เห็นว่า แรงงานคนมีความสามารถในการปรับเปลี่ยนและปรับตัวได้เสมอ และความสามารถทางเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลให้คนต้องทำงานที่ ‘มีมูลค่าสูงขึ้น’ และมีความสามารถในการผลิตที่มากขึ้น และ AI เป็นอีกเครื่องมือที่คนต้องเรียนรู้ที่จะรับมือ

 

อ้างอิง: 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising