×

รีวิวรองเท้าวิ่ง Adidas 4DFWD Pulse ใส่วิ่งดี ใส่เที่ยวก็ได้

10.08.2021
  • LOADING...
Adidas 4DFWD Pulse

HIGHLIGHTS

2 mins. read
  • Adidas 4DFWD Pulse เป็นรองเท้ารุ่นล่าสุดที่ใช้พื้นรองเท้าโครงตาข่ายที่พิมพ์รูปแบบ 3 มิติ โดยคัดเลือกจากโครงสร้างทั้งหมดกว่า 5 ล้านรูปแบบ ที่มั่นใจว่าด้วยความยืดหยุ่นและรูปเรขาคณิตของมัน เมื่อนักวิ่งก้าวเท้าสัมผัสพื้นโดยปกติจะเกิดแรงเบรก แต่ด้วยพื้นโครงตาข่ายจากแรงกระแทกที่เกิดขึ้นในแนวดิ่งจะถูกบีบอัดให้พุ่งไปด้านหน้าแทนทำให้เกิดแรงส่งให้นักวิ่ง
  • พื้นรองเท้าชั้นกลางทำมาจากโฟม EVA และพื้น 4D ตัวอัปเปอร์ทำมาจากผ้าตาข่าย 3 ชั้น

หลายคนอาจคุ้นหน้ารองเท้าวิ่ง Adidas 4DFWD ที่มีพื้นเป็นโครงตาข่ายรูๆ จากค่าย Adidas ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่คู่ที่เราหยิบมาพูดถึงกันในครั้งนี้ Adidas 4DFWD Pulse ถือเป็นน้องใหม่ที่เพิ่งเผยโฉมให้ชาวโลกได้เห็นเป็นครั้งแรก ความพิเศษคือมันไม่ได้เป็นเพียงรองเท้าวิ่งที่มีพื้นพิมพ์รูปแบบ 3 มิติเท่านั้น แต่ยังใส่โฟม EVA มาให้ด้วย

 

ย้อนกลับไปในปี 2018 รองเท้าตระกูล 4D ปรากฏตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในฐานะรองเท้าแห่งโลกอนาคต เมื่อ Adidas Futurecraft 4D อาศัยเทคโนโลยีพิมพ์แบบ 3 มิติในการทำพื้นรองเท้า ซึ่งต่างจากรองเท้าทั่วไปที่ใช้โฟมหนาๆ อย่างโฟม Boost หรือ Lightstrike แต่ด้วยความที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ ทำให้รองเท้ารุ่นนี้ราคาสูงและผลิตได้น้อย ทั้งยังไม่เหมาะกับการเป็นรองเท้าใส่วิ่งเท่าไรนัก มาในปี 2019 รุ่น 4D Run 1.0 จึงถือกำเนิดขึ้น พร้อมภาพรองเท้าสำหรับสาย Performance ที่ชัดขึ้น แต่ก็ยังมีจุดอ่อนเรื่องน้ำหนักและความแข็งของพื้น 4D

 

4D กลับมาอีกครั้งในปี 2020 เมื่อ Adidas นำพื้นโครงตาข่าย 4D มาผสมเข้ากับพื้นโฟม Boost ของรุ่นที่ขายดี ในชื่อ UltraBoost 4D แต่รองเท้าไฮบริดรุ่นนี้ก็ยังเป็นเพียงสีสันของวงการ ยังไม่สามารถสร้างชื่อในฐานะรองเท้าวิ่ง จวบจนการมาถึงของพื้น 4D ปีนี้ที่ยกเครื่องใหม่ทั้งชื่อและหน้าตา เพราะมาในชื่อเต็มๆ อย่าง Adidas 4DFWD พร้อมคุณสมบัติของการเป็นรองเท้าวิ่งอย่างแท้จริงได้สักที

 

Adidas 4DFWD Pulse เป็นรองเท้ารุ่นล่าสุดที่ใช้พื้นรองเท้าโครงตาข่ายที่พิมพ์รูปแบบ 3 มิติ โดยคัดเลือกจากโครงสร้างทั้งหมดกว่า 5 ล้านรูปแบบ ที่มั่นใจว่าด้วยความยืดหยุ่นและรูปเรขาคณิตของมัน เมื่อนักวิ่งก้าวเท้าสัมผัสพื้นโดยปกติจะเกิดแรงเบรก แต่ด้วยพื้นโครงตาข่ายจากแรงกระแทกที่เกิดขึ้นในแนวดิ่งจะถูกบีบอัดให้พุ่งไปด้านหน้าแทนทำให้เกิดแรงส่งให้นักวิ่ง

 

 

ส่วนสิ่งที่ทำให้ต่างจากรุ่น Adidas 4DFWD คือ พื้นชั้นกลางที่ใช้วัสดุสองประเภท ได้แก่

  1. EVA สีดำที่อยู่บริเวณหน้าเท้า พื้นส่วนนี้มีความแข็ง มั่นคง เมื่อกดจะเกิดแรงสะท้อนกลับ
  2. โครงตาข่ายบริเวณกลางไปจนถึงส้นเท้า ที่มอบความนุ่มและยืดหยุ่น ซึ่งต่างจากรุ่นพี่ที่ใช้พื้นโครงตาข่ายอย่างเดียว

 

อีกทั้งวัสดุหน้ารองเท้ายังทำมาจากผ้าตาข่าย (Mesh) 3 ชั้น ที่ระบายอากาศได้ดี ทนทาน กระชับทั้งด้านหน้าและด้านข้าง ตอนนี้มี 2 สี ได้แก่ สีขาว-สีส้ม (Solar Red) และดำ-เขียว (Signal Green) ที่เห็นในภาพขณะนี้

 

 

ความรู้สึกเมื่อได้ทดลองใส่: อย่างแรกที่รู้สึกคือรองเท้ารุ่นนี้ค่อนข้างหนัก อาจไม่ถูกใจคนที่ชอบรองเท้าวิ่งน้ำหนักเบา เพราะเมื่อวิ่งไปนานๆ จะรู้สึกได้ถึงความถ่วง แต่ความสบายขณะใส่วิ่งนั้นต้องบอกว่ามันสามารถใส่วิ่งได้เพลินๆ หรือการวิ่งที่ไม่เน้นทำความเร็ว เหมาะกับการใส่วิ่งเพซกลางๆ ไม่กดตัวเลขต่ำมาก ส่วนตัวคิดว่าถ้าคนชอบดีไซน์ดุดันด้วยโทนสี และอยากลองวิ่งด้วยพื้น 4D ที่ทาง Adidas หมายมั่นปั้นมือว่านี่จะเป็นอนาคตใหม่ของรองเท้าวิ่ง ตอนนี้ด้วยราคาของเทคโนโลยีนี้ที่ลดลงมากแล้วเมื่อเทียบกับตอนเปิดตัว จะลองควักกระเป๋า 6,000 บาท (www.adidas.com) เพื่อสัมผัสประสบการณ์ใหม่นี้ดูก็เข้าท่า เพราะอย่างน้อยก็ยังเอามาใส่เที่ยวได้ จับคู่กับกางเกงขาสั้น ก็ดูเป็นลุคสตรีทที่เดินเหินได้สบายเท้าดี

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

X
Close Advertising