วันนี้ (11 ตุลาคม) สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์กรณีกระแสข่าวรัฐบาลไทยเตรียมฟื้นการเจรจา MOU 2544 เพื่อแบ่งผลประโยชน์ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชา บริเวณเกาะกูด โดยกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทางกระทรวงพลังงานและกระทรวงการต่างประเทศจะต้องไปพิจารณา พร้อมกับมองว่าบริบทในอดีตกับปัจจุบันต่างกันเยอะ และความเห็นส่วนตัวของตนซึ่งเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมในปี 2545 มองว่าการขุดเจาะก๊าซต่างๆ ซึ่งปัจจุบันราคาน้ำมันสูง หากมีการเจรจาและแบ่งผลประโยชน์สองฝ่ายทั้งกัมพูชาและไทย ก็จะทำให้ต้นทุนพลังงานถูกลง
ส่วนกรณีที่ ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ ยื่นศาลรัฐธรรมนูญสั่ง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย เลิกใช้สิทธิและเสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สุริยะระบุว่า สิ่งที่ธีรยุทธยื่น คิดว่าพรรคเพื่อไทยสามารถตอบได้ทุกประเด็นไม่มีปัญหา และมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาเหมือนที่พรรคก้าวไกลถูกยุบ เพราะเป็นคนละกรณีกัน
ส่วน 6 ประเด็นที่ธีรยุทธยื่นร้อง นักกฎหมายและนักวิชาการมองว่าเนื้อหาที่ยื่นเหมือนกับที่เคยยื่นพรรคก้าวไกลนั้น สุริยะกล่าวว่า ตนได้อ่านคร่าวๆ แล้ว และคิดว่าสิ่งที่ยื่นมานั้นเลอะเทอะมาก และพรรคเพื่อไทยจะไม่ต้องตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อแก้ต่างคดีนี้
ส่วนเรื่องนี้จะมีนัยทางการเมืองหรือไม่ สุริยะกล่าวว่า ตนคิดว่าเรื่องที่ยื่นเป็นเรื่องเก่า และพยายามทำให้เป็นประเด็นการเมือง โดยคาดหวังว่าเมื่อเปิดออกมาแล้วคนจะตกใจ แต่ทุกคนคงทราบดีว่าทั้งหมดเป็นเรื่องเก่า และการที่บอกว่าทักษิณจะเข้ามาก้าวก่าย ความจริงทักษิณไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวเลย บางเรื่องก็เกิดมาเป็นสิบปีแล้วยังหยิบขึ้นมา ดังนั้นจึงไม่กังวล
เมื่อถามย้ำว่า มองว่าเป็นความแค้นของบางพรรคการเมืองหรือไม่ สุริยะกล่าวว่า ตนไม่ขอลงรายละเอียด ไม่ขอพูดถึงแล้ว
เมื่อถามต่อว่า จะไม่เป็นการจุดชนวนการชุมนุมใช่หรือไม่ สุริยะปฏิเสธตอบคำถามดังกล่าว และยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่ออกมาชี้แจง เพราะที่พูดมาก็ไม่มีประเด็น และคงจะมีไม่มีการแก้ต่างหลายข้อ รวมถึงรัฐบาลจะไม่พูดคุยกันในเรื่องนี้ พร้อมย้ำว่าไม่มีปัญหา