หอการค้าไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนกันยายน ปรับลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 14 เดือน ผู้บริโภคกังวลเศรษฐกิจชะลอตัวและสถานการณ์น้ำท่วม ระบุว่า แม้รัฐบาลแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ก็ไม่ช่วยเข็นดัชนีเชื่อมั่นให้ฟื้นตัว
วันที่ 10 ตุลาคม ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า จากการสำรวจตัวอย่างประชาชนทั่วประเทศจำนวน 2,243 คน พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนกันยายน ปี 2567 ปรับลงจากระดับ 56.5 เป็น 55.3 ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือนนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 2566 เป็นต้นมา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เกิดอะไรขึ้น ดัชนีชี้วัด ‘ความสุข’ คนไทยทรุดต่ำสุดในรอบ 16 เดือน
- เกิดอะไรขึ้นกับโครงสร้างประชากรไทย เมื่อคุณภาพชีวิตหาย ผู้สูงวัยล้น มีรายได้แค่ 6,975 บาท/เดือน ต่ำกว่าเส้นความยากจน
- ‘กรุงเทพฯ’ มีโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ซ้ำรอยปี 2554 แค่ไหน?
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวมอยู่ที่ 48.8 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสการหางานทำอยู่ที่ 52.7 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 64.4
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ทุกรายการ ซึ่งสะท้อนว่า สถานการณ์น้ำท่วมและบรรยากาศสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาส ทำให้ประชาชนมองว่าบรรยากาศเศรษฐกิจไทยแย่ลง ขณะที่ภาพของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ที่เติมเงินให้คนละ 10,000 บาทก็ยังไม่ช่วย และดูเหมือนยังไม่ทำงาน ประชาชนยังไม่ใช้จ่าย เพราะคนกังวลเรื่องของอนาคตมากกว่า อีกทั้งอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง ทำให้ผู้ประกอบการส่งออกประสบปัญหาความสามารถในการแข่งขัน” ธนวรรธน์กล่าว
ธนวรรธน์กล่าวอีกว่า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยประเมินว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต จะทำให้เศรษฐกิจไทยปี 2567 โตที่ 2.6-2.8% และยังคงประเมินเศรษฐกิจไทยทั้งปี 2567 ว่าจะขยายตัวที่ 2.6%