วันนี้ (1 ตุลาคม) ที่อาคารรัฐสภา ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แถลงครั้งแรกภายหลังรับตำแหน่ง โดยระบุว่า พร้อมเดินหน้าเสนอกฎหมายต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับประชาชน และจะสนับสนุนผลักดันกฎหมายทุกฉบับไม่ว่าจะเสนอจากฝ่ายใดก็ตาม ตราบใดที่เป็นประโยชน์กับประชาชน
“นับจากนี้การทำงานของฝ่ายค้านจะครบถ้วนสมบูรณ์ เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย และจะเตรียมความพร้อมเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และอภิปรายทั่วไป ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดขึ้นได้ในช่วงต้นปี 2568” ณัฐพงษ์กล่าว
ส่วนกรณีที่พรรคประชาชนเสนอ 7 แพ็กเกจแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ณัฐพงษ์กล่าวว่า ยืนยันจุดยืนของพรรคที่เห็นว่า ประเด็นเรื่องมาตรฐานจริยธรรมมีปัญหา แต่ตอนนี้ที่พักไว้ก่อน เพราะเกรงว่าถ้าพรรคร่วมรัฐบาลไม่เห็นด้วย อาจทำให้การเดินหน้าต่อทั้ง 7 แพ็กเกจถูกตีตกไปทั้งหมด และนอกจากเรื่องมาตรฐานจริยธรรม ก็มีอีกหลายประเด็นที่มีประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เช่น เรื่องการยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร และสิทธิการศึกษา
ทั้งนี้ ณัฐพงษ์เชื่อว่า การแก้ไขในประเด็นที่เหลือพรรคร่วมรัฐบาลจะเห็นตรงกัน และไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่เห็นด้วย พร้อมเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกับหัวหน้าพรรคการเมืองต่างๆ ในประเด็นนี้ ทั้งหน้าบ้านและหลังบ้านตามปกติ โดยยังไม่เห็นสัญญาณในเชิงไม่เห็นด้วย แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ความคิดเห็นอาจจะเปลี่ยนได้ จึงขอให้ติดตามการประชุม ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นภายในเดือนตุลาคมนี้
ส่วนร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ที่ล่าสุดวุฒิสภาลงมติให้กลับไปใช้เกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น ทำให้ต้องส่งร่างกฎหมายกลับมาสู่สภาผู้แทนราษฎร ณัฐพงษ์ระบุว่า เป็นเรื่องที่น่ากังวลเพราะอาจทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ทันในการเลือกตั้งปี 2570 เพราะอาจต้องมีการตั้งกรรมาธิการร่วม ทำให้กระบวนการจัดทำประชามติยืดเยื้อออกไป
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าพอมีหนทางที่จะแก้ไขทั้งฉบับให้ทันในการเลือกตั้งปี 2570 ถ้าเราทำประชามติเพียง 2 ครั้ง ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลเองก็เห็นด้วย จึงอาจจะต้องมีการหารือร่วมกัน รวมถึงหาทางออกร่วมกับประธานรัฐสภา ว่าหากสามารถบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 โดยที่ไม่ต้องทำประชามติครั้งแรกก่อน ก็สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ทันปี 2570
ส่วนกรณีที่วิปรัฐบาลขอเลื่อนการเสนอรายงานการศึกษาการตรากฎหมายนิรโทษกรรมออกไปก่อน เพื่อหารือกับหัวหน้าพรรคต่างๆ ให้ตกผลึกนั้น ณัฐพงษ์กล่าวว่า การเสนอรายงานดังกล่าวเป็นเพียงการแสดงความคิดเห็น และเสนอตัวเลือกในการออกกฎหมายนิรโทษกรรม จึงไม่เห็นความจำเป็นในการถอนร่างออกไป และจุดยืนของพรรคประชาชนเห็นว่า ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองควรได้รับการเยียวยาและได้รับความเป็นธรรม ไม่ว่าจะถูกดำเนินคดีด้วยมาตราใดก็ตาม
สำหรับการกระชับความสัมพันธ์กับพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้าน ณัฐพงษ์กล่าวว่า จะใช้กลไกคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือวิปฝ่ายค้านเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ และจะแยกแยะงานพรรคกับเรื่องส่วนบุคคลในกรณีที่ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส. แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ถูกร้องเรียนเรื่องจริยธรรม
“หากมีประเด็นนี้เกิดในสภาผู้แทนราษฎร แล้วคณะกรรมการจริยธรรมไม่เดินหน้าอย่างตรงไปตรงมา ก็จะทำลายศรัทธาของประชาชน” ณัฐพงษ์กล่าว
