ดัชนีความสัมพันธ์กับการทำงานของ HP ประจำปี 2024 เผย ผู้ใช้ AI มีความสัมพันธ์ที่ดีกับงานมากกว่า
จากการศึกษาระดับโลกครั้งที่ 2 เกี่ยวกับดัชนีความสัมพันธ์กับการทำงานของ HP ประจำปี 2024 พบว่า ผู้ที่ใช้ AI มีความสุขกับความสัมพันธ์ในการทำงานมากกว่าผู้ที่ไม่ใช้ถึง 11 คะแนน โดยมีการใช้งาน AI ในกลุ่มคนทำงานความรู้เพิ่มขึ้นถึง 66% ในปีนี้ จากเพียง 38% ในปีก่อน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ทั้งนี้ ผลการศึกษายังพบข้อมูลสำคัญ ดังนี้
- มีเพียง 28% ของคนทำงานความรู้จากหลายอุตสาหกรรมทั่วโลกที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับงาน ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียง 1 คะแนนจากปี 2023
- ผู้ที่ใช้ AI มีความสุขกับความสัมพันธ์กับงานมากกว่าผู้ที่ไม่ใช้ถึง 11 คะแนน
- อย่างน้อย 2 ใน 3 ของคนทำงานความรู้ต้องการประสบการณ์การทำงานที่ปรับให้เข้ากับตัวบุคคล และ 87% ยินดีที่จะลดเงินเดือนเพื่อให้ได้มาซึ่งประสบการณ์นั้น
- มีเพียง 44% ของผู้นำที่มั่นใจในทักษะมนุษย์ของตนเอง แต่ผู้นำหญิงกลับมีความมั่นใจมากกว่าผู้นำชายอย่างเห็นได้ชัด
AI ยกระดับประสิทธิภาพงานและสร้างความสุขในการทำงาน
จากการศึกษาพบว่า 73% ของผู้ที่ใช้ AI รู้สึกว่าการทำงานง่ายขึ้น และ 68% ยอมรับว่า AI เปิดโอกาสให้พวกเขาเพลิดเพลินกับงานมากขึ้น นอกจากนี้ การใช้ AI ยังส่งเสริมความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานให้ดีขึ้น โดย 60% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า AI มีบทบาทสำคัญในการสร้างความสมดุลนี้
สำหรับผู้นำทางธุรกิจ ผู้นำหญิงได้รับการยอมรับว่าเป็นกลุ่มที่มีความมั่นใจในทักษะมนุษย์และทักษะความรู้มากกว่าผู้นำชาย โดยมีความมั่นใจในทักษะมนุษย์มากกว่าถึง 13 คะแนน ซึ่งทำให้เห็นความสำคัญของบทบาทของผู้หญิงในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
อนาคตของการทำงานถูกปลดล็อก
Enrique Lores ประธานและ CEO ของ HP Inc. กล่าวว่า “เทคโนโลยี AI จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างโซลูชันและประสบการณ์การทำงานที่ตอบสนองความต้องการของคนทำงาน ช่วยให้แรงงานสามารถประสบความสำเร็จได้ทั้งในด้านอาชีพและชีวิตส่วนตัว”
AI จึงไม่เพียงแค่เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ยังเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการสร้างความสุข ความพึงพอใจ และแรงจูงใจให้กับพนักงานและผู้นำในองค์กรต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
ประสบการณ์การทำงานที่เป็นส่วนตัว สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพนักงานกับงาน
ในการศึกษาประจำปีครั้งนี้ ดัชนีความสัมพันธ์กับการทำงานของ HP ยังเผยให้เห็นถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นของพนักงานในกลุ่มคนทำงานความรู้ที่มุ่งเน้นการปรับประสบการณ์การทำงานให้เป็นส่วนตัวมากขึ้น
โดย 64% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่า หากประสบการณ์การทำงานสามารถปรับให้ตรงกับความต้องการส่วนตัวของพวกเขาได้ พวกเขาจะมีส่วนร่วมในการเติบโตของบริษัทมากขึ้น และ 69% เชื่อว่ามันจะช่วยเสริมสร้างสุขภาพจิตและร่างกายให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ 68% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า จะมีแรงจูงใจที่จะอยู่กับนายจ้างปัจจุบันนานขึ้น หากได้รับประสบการณ์การทำงานที่ตรงตามความต้องการส่วนตัว
ความต้องการนี้มีความสำคัญถึงขนาดที่ 87% ของคนทำงาน รู้สึกยินดีที่จะลดเงินเดือนเพื่อให้ได้ประสบการณ์การทำงานที่ปรับให้เข้ากับตัวบุคคล โดยเฉลี่ยพวกเขายอมลดเงินเดือนได้ถึง 14% โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงาน Gen Z ที่ยินดีลดเงินเดือนได้มากถึง 19%
AI เป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาความสัมพันธ์กับงาน
จากผลการศึกษาพบว่า การใช้ AI ในการทำงานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในกลุ่มคนทำงานความรู้ โดย 73% ของผู้ที่ใช้ AI รู้สึกว่า AI ช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น และทำให้พวกเขามีความสุขมากขึ้นเมื่อทำงาน ผู้ที่ใช้ AI ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับงานมากกว่าผู้ที่ไม่ใช้ AI ถึง 11 คะแนน สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า AI ไม่เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความพึงพอใจในการทำงานด้วย
นอกจากนี้ การใช้ AI ยังช่วยให้พนักงานสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและปรับปรุงสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน โดย 60% ของผู้ที่ใช้ AI ระบุว่า AI ช่วยให้พวกเขาสามารถจัดการกับชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวได้ดีขึ้น และ 73% เชื่อว่าความเข้าใจใน AI จะช่วยให้พวกเขาก้าวหน้าในสายอาชีพได้ง่ายขึ้น
บทบาทของผู้นำทางธุรกิจในยุคของ AI
แม้ว่าผู้นำหลายคนจะยอมรับว่า AI มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า ผู้นำทางธุรกิจยังขาดความมั่นใจในทักษะมนุษย์ โดยเฉพาะทักษะด้านการสื่อสาร การใส่ใจ และความเห็นอกเห็นใจ อย่างไรก็ตาม ผู้นำหญิงกลับแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในทักษะเหล่านี้มากกว่าผู้นำชาย โดยเฉพาะในด้านทักษะมนุษย์ที่ผู้นำหญิงมีความมั่นใจมากกว่าถึง 13 คะแนน
ผลการศึกษานี้สะท้อนให้เห็นว่า บทบาทของผู้นำในยุค AI จำเป็นต้องมีการพัฒนาทักษะมนุษย์ควบคู่ไปกับทักษะทางเทคโนโลยี เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพนักงานและงาน
โดยสรุปแล้ว ดัชนีความสัมพันธ์กับการทำงานของ HP ประจำปี 2024 เผยให้เห็นถึงความสำคัญของการใช้งาน AI และการปรับประสบการณ์การทำงานให้เข้ากับตัวบุคคล เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน การศึกษานี้ยังเน้นให้เห็นถึงความสำคัญของผู้นำในการพัฒนาทักษะมนุษย์ควบคู่ไปกับทักษะทางเทคโนโลยี เพื่อขับเคลื่อนอนาคตของการทำงานในยุค AI
อ้างอิง:
- HP Inc.
