วันนี้ (24 กันยายน) Pan Gongsheng ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศปรับลดปริมาณการตั้งเงินสำรองไว้ที่อัตราที่ต่ำที่สุดตั้งแต่ปี 2020 และปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษที่มาตรการทั้งสองถูกปรับลดในวันเดียวกัน แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นที่เร่งด่วนในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการเงิน
นอกจากนี้ผู้ว่าการธนาคารกลางยังประกาศมาตรการสนับสนุนตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ เช่น การลดต้นทุนการกู้ยืมสินเชื่อบ้านมูลค่า 5.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และผ่อนคลายกฎเกณฑ์สำหรับการซื้อบ้านหลังที่สอง อีกทั้งยังอนุญาตให้กองทุนและโบรกเกอร์สามารถเข้าถึงเงินทุนจากธนาคารกลางเพื่อนำไปซื้อหุ้นได้อีกด้วย
ทั้งนี้ สำนักข่าว Bloomberg รายงานรายละเอียดมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจเร่งด่วนของ PBOC ไว้ดังนี้
- ปรับลดอัตราดอกเบี้ย Reverse Repo Rate ระยะ 7 วัน ลงจาก 1.7% เป็น 1.5%
- ปรับลดอัตราส่วนการตั้งเงินสำรอง Reserve Require Ratio ลง 0.50% ปล่อยสภาพคล่องจำนวน 1 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 142 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
- ปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะกลาง Medium-Term Lending Facility) ลง 0.3%
- ปรับลดอัตราเงินดาวน์ขั้นต่ำสำหรับผู้ซื้อบ้านหลังที่ 2 ลงจาก 25% เป็น 15%
- หากจำเป็นอาจปรับลดอัตราส่วนการตั้งเงินสำรอง RRR เพิ่มอีก 0.25-0.50% ในปีนี้เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
- การลดอัตราส่วนการตั้งเงินสำรอง RRR จะไม่ครอบคลุมธนาคารขนาดเล็กและธนาคารในชนบท
นักเศรษฐศาสตร์มองว่ามาตรการยังไม่แรงพอ
ภายหลังการประกาศมาตรการดังกล่าว ตลาดการเงินตอบสนองในเชิงบวก โดยดัชนี CSI 300 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5% โดยราคาหลักทรัพย์ประมาณ 200 บริษัทพากันปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ส่วนค่าเงินหยวนคงที่เมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจีนอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลงทำระดับต่ำสุดที่ 2% เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ถึงแม้จะมีนักเศรษฐศาสตร์เห็นว่ามาตรการนี้เหนือความคาดหมาย แต่หลายคนยังคงไม่มั่นใจว่ามาตรการนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาที่กดดันเศรษฐกิจของจีนได้
“มันยากที่จะหาทางออกที่สมบูรณ์แบบที่จะช่วยแก้ไขทุกปัญหาได้ แม้ว่าการผ่อนคลายนโยบายการเงินจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ยังต้องมีมาตรการอื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อช่วยให้การเติบโตในไตรมาสที่ 4 มีความมั่นคงมากขึ้น” Ken Wong ผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดทุนในเอเชียจาก Eastspring Investments (Hong Kong) Ltd กล่าว
ด้าน Raymond Yeung นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ ANZ กล่าวว่า มาตรการในครั้งนี้ยังห่างไกลจากคำว่าใช้ยาแรง อย่างไรก็ตาม ยังไม่มั่นใจว่าต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อบ้านอีกเท่าใดจึงจะสามารถทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัวได้
ขณะที่ Becky Liu หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์เศรษฐกิจมหภาคประเทศจีนจาก Standard Chartered PLC กล่าวว่า การผ่อนคลายนโยบายการเงินในครั้งนี้กล้าหาญกว่าที่คาดไว้ และยังเห็นโอกาสในการผ่อนคลายเพิ่มเติมในไตรมาสต่อๆ ไป หลังจากที่ Fed ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมามากกว่าคาด
รายงานข่าวระบุว่า ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง พยายามกระตุ้นเศรษฐกิจโดยไม่ใช้ยาแรงอัดฉีดเหมือนในอดีต อย่างไรก็ตาม มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบค่อยเป็นค่อยไปก็ไม่สามารถยับยั้งการหดตัวของเศรษฐกิจจีนได้ สะท้อนจากมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลก รวมถึง JPMorgan Chase & Co. ที่ประเมินว่า GDP จีนอาจไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตในปีนี้ที่ 5% ได้
ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ซึ่งมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ และเปิดโอกาสให้ธนาคารกลางในเอเชียสามารถผ่อนคลายนโยบายการเงินตามได้
อ้างอิง: