ในช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา การปะทะกันระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ทวีความรุนแรงขึ้นถึงระดับสูงสุด นับตั้งแต่สงครามในฉนวนกาซาดำเนินมานานเกือบปี โดยกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่มีฐานที่มั่นอยู่ทางตอนใต้ของเลบานอนยิงขีปนาวุธลึกเข้าไปในดินแดนอิสราเอล ซึ่งมากกว่าทุกครั้งที่เคยมีมา
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา อิสราเอลเปิดฉากโจมตีเป้าหมายของฮิซบอลเลาะห์กว่า 300 ครั้ง โดยอ้างว่าเป็นการดำเนินการเชิงรุกเพื่อป้องกันการโจมตีที่ฮิซบอลเลาะห์วางแผนไว้ ขณะที่ฮิซบอลเลาะห์ตอบโต้ด้วยการยิงจรวดและอาวุธอื่นๆ ใส่อิสราเอล โดยระบุว่านี่เป็นการล้างแค้นจากการโจมตีของอิสราเอลในเลบานอน
ฮิซบอลเลาะห์ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน กำลังเผชิญความสูญเสียอย่างหนัก หลังจากการโจมตีด้วยการฝังระเบิดในเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารของสมาชิกกลุ่ม และตามมาด้วยการโจมตีทางอากาศจากอิสราเอลในพื้นที่ตอนใต้ของกรุงเบรุต ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 45 คน รวมถึงผู้บัญชาการระดับสูงและเจ้าหน้าที่สำคัญของกลุ่ม
แม้ว่าผู้นำฮิซบอลเลาะห์จะเคยประกาศว่าไม่ต้องการขยายความขัดแย้งไปสู่สงครามระดับภูมิภาค แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายก็ชี้ว่าขณะนี้ฮิซบอลเลาะห์อาจเผชิญแรงกดดันให้ต้องตอบโต้หนักขึ้น หลังจากเกิดเหตุระเบิดต่อเนื่อง และอิสราเอลเองก็เริ่มขยายเป้าหมายทางทหารไปยังพรมแดนทางเหนือของประเทศด้วย
ด้าน ไอแซก เฮอร์ซ็อก ประธานาธิบดีของอิสราเอล ให้สัมภาษณ์กับ Sky News เมื่อวันที่ 22 กันยายนว่า อิสราเอล “ไม่ต้องการทำสงครามกับเลบานอน” และตำหนิฮิซบอลเลาะห์ว่าเป็นต้นเหตุของความรุนแรงที่ยกระดับมากขึ้นในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม แม้ฮิซบอลเลาะห์จะยอมรับว่าการโจมตีทำให้พวกเขาอ่อนแอลง แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมถอย โดย แนม คัสซิม ผู้นำอันดับสองของกลุ่ม ระบุว่า ‘การต่อสู้ที่ไร้ขีดจำกัด’ กำลังเริ่มต้นขึ้น
ภาพ: Reuters
อ้างอิง: