×

BDMS – อยู่ในสถานะที่ดีกว่าผู้ประกอบการโรงพยาบาลรายอื่นๆ

05.09.2024
  • LOADING...

เกิดอะไรขึ้น:

 

InnovestX Research มีมุมมองเชิงบวกต่อ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) และมองว่าปัจจัยระยะสั้นที่จะช่วยสนับสนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากปัจจัยกระตุ้นดังนี้

 

ปัจจัยกระตุ้น 1: ช่วงไฮซีซันของธุรกิจบริการทางการแพทย์ โดยคาดว่ากำไรจะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใน 3Q67 โดยปกติแล้วไตรมาส 3 จะเป็นช่วงไฮซีซันของกลุ่มธุรกิจบริการทางการแพทย์ ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากโรคตามฤดูกาล (บริการผู้ป่วยชาวไทย) และภาพรวมการท่องเที่ยวไทยที่ดีขึ้น (บริการผู้ป่วยชาวต่างชาติ) โดยในเบื้องต้นประเมินกำไรปกติ 3Q67 ของ BDMS ไว้ที่ 4.3-4.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น YoY และ QoQ และทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

 

ปัจจัยกระตุ้น 2: รายได้ 3Q67 จะเติบโตสูงกว่า BH ปัจจัยสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนให้กำไร 3Q67 ของ BDMS เติบโตคือรายได้ที่สูงขึ้น โดยในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม รายได้ของ BDMS เติบโต ~10%YoY ซึ่งเป็นไปตามเป้าทั้งปี 2567 ของบริษัท (ที่คาดว่ารายได้จะเติบโต 10-12%) เร่งตัวขึ้นจากที่เติบโต 7%YoY ใน 2Q67 หลักๆ ได้แรงหนุนจากรายได้จากบริการผู้ป่วยชาวต่างชาติที่แข็งแกร่งขึ้น (ประเมินการเติบโตในระดับ Mid-Teen)

 

เมื่อใช้สมมติฐานว่ารายได้ยังเติบโตต่อเนื่องในเดือนกันยายน รายได้ 3Q67 ของ BDMS จะเติบโตสูงกว่าของ BH โดยผู้บริหารของ BH ตั้งเป้ารายได้เติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียวใน 3Q67 ซึ่งเชื่อว่าสะท้อนถึงการดำเนินงานที่กลับสู่ภาวะปกติและการได้รับประโยชน์ลดน้อยลงของการปรับขึ้นค่ารักษาพยาบาล (การปรับขึ้นค่ารักษาพยาบาลที่แท้จริงอยู่ที่ 6% ใน 1H67 และจากนั้นปรับลดลงเหลือ 4% ใน 2H67)

 

ปัจจัยกระตุ้น 3: ผลกระทบจากบริการ SC มีจำกัดเมื่อเทียบกับ RJH, BCH และ CHG สำหรับช่วงที่เหลือของปีนี้มองว่าโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมให้บริการรักษาผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม (SC) จะมีความไม่แน่นอนจากโอกาสที่งบประมาณสำหรับค่ารักษาพยาบาลโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง (RW>2) อาจไม่เพียงพอ โดยโรงพยาบาลบางแห่ง เช่น BCH จะบันทึกรายได้ SC สำหรับค่ารักษาพยาบาลโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง (RW>2) ในอัตราที่ลดลงใน 4Q67 ตามหลักความระมัดระวัง ซึ่งจะทำให้กำไรในไตรมาสดังกล่าวปรับตัวลดลง

 

ทั้งนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมให้บริการ SC และสำนักงานประกันสังคมจะร่วมมือกันหาทางออก เช่น การรับประกันอัตราการจ่ายเงินให้เหมาะสมกับความต้องการใช้บริการที่เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้ก่อนที่โรงพยาบาลเอกชนจะเซ็นสัญญาสำหรับการให้บริการ SC ในปี 2568 มองว่าผลกระทบต่อ BDMS จะมีจำกัด เนื่องจากบริการ SC คิดเป็นสัดส่วนเพียง ~2% ของรายได้ (BDMS ให้บริการ SC ที่โรงพยาบาลในเครือ 11 แห่ง) ต่ำกว่า RJH ที่คิดเป็นสัดส่วน 51% ของรายได้, BCH ที่ 33% และ CHG ที่ 29%

 

กระทบอย่างไร:

 

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น BDMS ปรับขึ้น 7.8% สู่ระดับ 27.75 บาท ขณะที่ SET Index ปรับขึ้น 4.0% สู่ระดับ 1,365.49 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:

 

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น BDMS ปรับตัวเพิ่มขึ้น 7% สอดคล้องกับ SET InnovestX Research มีมุมมองเชิงบวกต่อ BDMS และมองว่าปัจจัยระยะสั้นที่จะช่วยสนับสนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นจะมาจากกำไรที่แข็งแกร่งตามฤดูกาลและสถานะที่แข็งแกร่งกว่าผู้ประกอบการโรงพยาบาลรายอื่นๆ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้กำไรปกติของ BDMS ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใน 3Q67 BDMS เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มบริการทางการแพทย์ โดยยังคงคำแนะนำ Outperform สำหรับ BDMS โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 อ้างอิงวิธี DCF ที่ 36 บาทต่อหุ้น (WACC อยู่ที่ 7.1% และการเติบโตระยะยาวที่ 3%)

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ที่อาจทำให้เกิดการชะลอการรักษาโรคที่ไม่เร่งด่วนและความไม่สะดวกของผู้ป่วยต่างชาติที่จะเดินทางมารับการรักษาพยาบาลในประเทศไทย

 

อย่างไรก็ดี มองว่าความเสี่ยงนี้น่าจะลดทอนลงได้ เนื่องจาก BDMS มีฐานรายได้ขนาดใหญ่จากผู้ป่วยชาวไทย ในขณะที่รายได้จากการให้บริการผู้ป่วยชาวต่างชาติมีการกระจายตัว ปัจจัยเสี่ยงด้าน ESG คือความปลอดภัยของผู้ป่วย (S) ซึ่ง BDMS ได้นำเอาระบบบริหารคุณภาพต่างๆ มาใช้สำหรับกระบวนการดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising