เดือนกันยายนมักจะเป็นเดือนที่เลวร้ายสำหรับเหล่าเทรดเดอร์ และสิ่งนี้คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2024 ด้วยเช่นกัน เนื่องจากตลาดยังคงมีคำถามเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนนี้
จากสถิติที่ผ่านมา พันธบัตร หุ้น และทองคำ มักจะปรับตัวลงในเดือนกันยายน ข้อมูลของ CME Group เผยว่า ดัชนี S&P 500 มักจะปรับตัวลงในเดือนกันยายนตลอดศตวรรษที่ผ่านมา เนื่องจากเทรดเดอร์จำนวนมากออกไปพักร้อนในช่วงฤดูร้อน ทำให้ปริมาณการซื้อขายเบาบาง ดัชนี S&P 500 และดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJIA) มักจะร่วงลงเป็นเปอร์เซ็นต์สูงสุดในเดือนกันยายนนับตั้งแต่ปี 1950 ส่วนพันธบัตรปรับตัวลงในเดือนกันยายนตามสถิติ 8 ปีจาก 10 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ราคาทองคำแท่งร่วงทุกปีในเดือนกันยายนนับตั้งแต่ปี 2017
นักลงทุนอาจต้องเตรียมพร้อมรับมือกับพายุที่กำลังจะถาโถมเข้ามา อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนต่างๆ รวมถึงรายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในวันศุกร์นี้ (6 กันยายน) ตัวเลขนี้จะบ่งบอกถึงสภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก และกำหนดทิศทางของนโยบายผ่อนคลายทางการเงินที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของ Fed เนื่องจากตัวเลขนี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดว่าในอนาคต Fed จะปรับตัวลดดอกเบี้ยลงแค่ไหน และถี่แค่ไหน
ขณะนี้นักลงทุนคาดการณ์ว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งภายในสิ้นปีนี้ และตลาดมีโอกาสที่จะผันผวนอย่างรุนแรง หาก Fed มีท่าทีผ่อนคลายนโยบายน้อยกว่าที่คาดไว้ในการประชุมนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันที่ 18 กันยายน
นอกเหนือจากรายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ และการประชุมนโยบายของ Fed แล้ว การดีเบตทางทีวีครั้งแรกของรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในสัปดาห์หน้า ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญขณะที่การเลือกตั้งเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายอีกด้วย
บ็อบ ซาเวจ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์และข้อมูลเชิงลึกด้านตลาดของ BNY มองว่า “รายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในเร็วๆ นี้จะเป็นตัวกำหนดแนวโน้มในช่วงที่เหลือของปีนี้” เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่า กันยายนมักจะเป็นเดือนที่ตลาดมีความผันผวน โดยการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของนักลงทุนนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ใกล้เข้ามาอาจทำให้ความผันผวนยิ่งรุนแรงขึ้น
อ้างอิง: