×

‘เทน ฮาก vs. สลอต’ การพบกันในแดงเดือดแรกของยุคสมัยใหม่

31.08.2024
  • LOADING...
เทน ฮาก

“ในช่วงเวลานี้ผมชื่นชมพวกเขาทั้งคู่ พวกเขาสร้างทีมที่เล่นฟุตบอลได้อย่างสุดยอด แต่ว่าจุดจบของยุคสมัยมันเกิดขึ้นได้เสมอ”

 

นี่คือคำพูดของ เอริก เทน ฮาก เมื่อครั้งที่เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดใหม่ๆ ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในคำพูดที่โด่งดังอย่างมาก เพราะเป็นเหมือนการประกาศว่าเขาจะเป็นคนยุติยุคสมัยความยิ่งใหญ่ของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา และ เจอร์เกน คล็อปป์ ด้วยการพาทีม ‘ปีศาจแดง’​ กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง

 

เวลาผ่านมา 2 ปีนิดๆ จากวันนั้น เทน ฮาก ยังทำในสิ่งที่เคยพูดไว้ไม่ได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยสิ่งที่พูดก็เป็นความจริงเกือบครึ่ง เมื่อคล็อปป์ตัดสินใจอำลาลิเวอร์พูลหลังจบฤดูกาลที่แล้ว โดยที่แมนฯ ยูไนเต็ด ของเขาก็มีส่วนสำคัญอย่างมากที่เขี่ยลิเวอร์พูลตกรอบเอฟเอคัพแบบสุดช็อก จนสุดท้ายกุนซือชาวเยอรมันได้ถ้วยใบเล็กอย่างลีกคัพส่งท้ายเพียงแค่ใบเดียว

 

ในวันอาทิตย์นี้จะเป็นเกม ‘แดงเดือด’ ครั้งแรกในยุคสมัยใหม่ ‘Post Klopp Era’ โดยสิ่งที่น่าสนใจคือ คู่แข่งคนใหม่ของเขาไม่ใช่คนแปลกหน้าแต่อย่างใด 

 

เพราะก็คือ อาร์เน สลอต คู่แข่งที่เคยประมือกันมาก่อนในลีกดัตช์ บ้านเกิดนั่นเอง

 

“ทั้งสองคนมีอย่างเดียวที่เหมือนกันคือทรงผม” นี่คือความเห็นจาก ปาสกาล แจนเซน อดีตผู้ช่วยของ อาร์เน สลอต เมื่อครั้งอยู่กับทีมอาแซด อัล์กมาร์ ถึงความแตกต่างระหว่างเจ้านายเก่ากับ เอริก เทน ฮาก 

 

“นอกนั้นพวกเขาไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย”

เทน ฮาก

 

ในคำว่าไม่เหมือนกันนั้นมีความหมายถึงทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสไตล์การทำทีม สไตล์การเล่น หรือแม้แต่วิธีการรับมือกับสื่อมวลชนที่มีความแตกต่างกันอย่างมาก

 

เทน ฮาก นั้นในสายตาของคนในวงการเป็นโค้ชฝีมือดีที่มีบุคลิกของความแข็งกร้าวในตัว จุดยืนมั่นคง เหมือนที่เราได้เห็นวิธีการจัดการปัญหาภายในทีมหลายครั้ง ทั้งกรณีของ คริสเตียโน โรนัลโด หรือ จาดอน ซานโช ที่เด็ดขาดว่าใครคือ ‘บอส’ ของที่นั่น

 

เพียงแต่ถามว่าเทน ฮาก เอาชนะใจของผู้คนที่โอลด์แทรฟฟอร์ดได้อย่างเต็มที่ไหม? คำตอบคือไม่

 

ความจริงแล้วเขามีโอกาสสูงอย่างมากที่จะโดนปลดจากตำแหน่ง และสิ่งเดียวที่ทำให้เขายังได้ทำงานต่อไปคือผลงานการคว้าแชมป์เอฟเอคัพ ด้วยการโค่นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลงได้อย่างสุดเซอร์ไพรส์ ในเกมที่ใครต่อใครเชื่อว่าจะเป็นเกมนัดสุดท้ายของเขากับแมนฯ ยูไนเต็ด

 

เพราะผลงานในลีกของอดีตแชมป์ลีกสูงสุด 2 สมัยในฤดูกาลที่แล้วถือว่าเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคโมเดิร์นของสโมสร 

 

จากผลงาน…ใครเห็นก็ว่าไม่รอดทั้งนั้น

 

เพียงแต่เมื่อคว้าแชมป์ได้ ทำให้ทีมบริหารชุดใหม่ INEOS ที่นำโดย เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ มหาเศรษฐีชาวอังกฤษ ที่คว้าหุ้น 29.2 เปอร์เซ็นต์ของสโมสรมาจากครอบครัวเกลเซอร์ พร้อมสิทธิ์ขาดในการบริหารงานเองทั้งหมด จึงชะลอการตัดสินใจ

 

 

การเฟ้นหาตัวเลือกที่เหมาะสมเกิดขึ้นควบคู่ไปกับการประเมินผลงานของเทน ฮาก อย่างเข้มข้น ก่อนจะได้ข้อสรุปว่าสโมสรจะให้โอกาสในการทำงานต่อไป เพราะนอกจากจะคว้าแชมป์ได้ 2 รายการจาก 2 ฤดูกาลที่คุมทีม เรื่องปัญหารุงรังภายในสโมสรเองก็อาจมีส่วนช่วยฉุดรั้งไม่ให้กุนซือชาวดัตช์ทำงานได้เต็มที่นัก

 

ข้อตกลงสัญญาใหม่จึงเกิดขึ้น พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงภายในมากมาย ตั้งแต่โครงสร้างการบริหาร แมนฯ ยูไนเต็ด ดึงตัว ‘คนเก่ง’ จากทั่วทุกสารทิศ เพื่อประจำตำแหน่งบทบาทสำคัญ เช่น โอมาร์ เบอร์ราดา จากแมนเชสเตอร์ ฟุตบอล กรุ๊ปของแมนฯ ซิตี้ มานั่งแท่นซีอีโอ ขณะที่ผู้อำนวยการสโมสรได้ แดน แอชเวิร์ธ กระบี่มือต้นๆ ของประเทศ มาจากนิวคาสเซิล

 

นอกจากนี้ยังมีการคว้าตัวนักเตะเข้ามาเสริมทีมได้อย่างรวดเร็ว และชวนให้รู้สึก ‘เข้าท่า’ กว่าหลายปีที่ผ่านมามาก ไม่ว่าจะเป็น โจชัว เซิร์กซี กองหน้าจากโบโลญญา, เลนี โยโร กองหลังเพชรเม็ดงามจากลีลล์, มัตไธส์ เดอ ลิกต์ และ นุสซาอีร์ มาซราวี จากบาเยิร์น มิวนิก และที่กำลังตามมาคือ มานูเอล อูการ์เต กองกลางตัวรับจากปารีส แซงต์ แชร์กแมง

 

เรียกว่าเป็นการเริ่มต้นยุคสมัยใหม่ของแมนฯ ยูไนเต็ด ที่น่าสนใจไม่น้อย

 

แต่ผลงานในเกมล่าสุดที่พ่ายต่อไบรท์ตันในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ก็ทำให้แสงไฟเริ่มส่องลงมาที่คนกลางอย่างเทน ฮาก ที่ถูกตั้งคำถามถึงผลงานและสไตล์การเล่นของทีม ที่จนวันนี้ก็ยังไม่มีอะไรโดดเด่นชัดเจนให้เห็นแม้แต่น้อย

 

 

สิ่งนี้แตกต่างจากลิเวอร์พูล ภายใต้การนำของ อาร์เน สลอต ผู้มีบุคลิกที่ดึงดูดและโน้มน้าวผู้คนให้พร้อมรับฟังในสิ่งที่เขาคิด ให้เชื่อในสิ่งที่เขาพูด ซึ่งจะเห็นสิ่งเหล่านี้ผ่านฟอร์มการเล่นของทีมในสนาม 

 

แม้จะใช้เวลาไม่ถึง 2 เดือน แต่ดูเหมือนลิเวอร์พูลกำลังปรับตัวเข้าหา ‘Slotball’ ได้ค่อนข้างดี มองเห็น ‘ลายเซ็น’ การทำงานที่แตกต่างจากยุคของ เจอร์เกน คล็อปป์ ชัดเจน 

 

หากจะเปรียบเป็นเพลงแล้วก็ต้องบอกว่าเป็นเพลงคนละแนว จากเฮฟวีเมทัลสุดมันมาสู่เพลงร็อกช้าๆ ที่นุ่มนวล แต่ก็หนักแน่นและมีท่อนฮุกกรีดหัวใจ

 

จริงอยู่ที่สลอตและทีมบริหารถูกตั้งคำถามถึงเรื่องการปรับทัพเสริมทีมที่นิ่งและเงียบงัน เพิ่งจะมีข่าวการคว้าผู้เล่น 2 รายคือ จอร์จี มามาดาชวิลี ผู้รักษาประตูทีมชาติจอร์เจียจากบาเลนเซีย และ เฟเดริโก เคียซา จอมเลื้อยทีมชาติอิตาลีจากยูเวนตุส ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

 

แต่ตลอดระยะเวลาหลายสัปดาห์มานี้ ‘เฮดโค้ช’ คนแรกของลิเวอร์พูล (ที่ไม่ใช่ผู้จัดการทีมแล้ว) ได้ใช้เวลาในการปรับแต่งทีมและค้นหาคำตอบจากมรดกที่คล็อปป์เหลือไว้ให้ และต้องบอกว่าทำได้ค่อนข้างดีทีเดียว

 

ระบบการเล่นแบบใหม่ 4-2-3-1 ซึ่งมีพื้นฐานคล้ายกับระบบ 4-3-3 ในยุคที่แล้ว ทำให้ผู้เล่นปรับตัวได้เร็ว ขณะที่วิธีการเล่นแม้จะมีความแตกต่างออกไป แต่การใส่ใจลงรายละเอียดแบบติวเข้มตลอดตั้งแต่ช่วงพรีซีซัน ก็ทำให้ผู้เล่นเข้าใจได้ว่าเจ้านายต้องการอะไร

 

นักเตะที่เคยถูกตั้งคำถามว่าจะเล่นในทีมชุดใหม่ได้หรือไม่และอยู่ตรงไหนอย่าง โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ และ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมใน 2 นัดแรกของฤดูกาลที่ลิเวอร์พูลชนะรวด

 

เกมรับที่เคยเปราะบางก็กลับเหนียวแน่น ไม่เสียแม้แต่ประตูเดียว

 

ขณะที่ตำแหน่งปัญหาอย่างกองกลางตัวรับที่ถูกถล่มหนัก หลังพลาดการคว้าตัว มาร์ติน ซูบิเมนดี ดาวเตะทีมชาติสเปนจากเรอัล โซเซียดัด แบบหน้าแตก ก็ได้รับการแก้ไขชั่วคราวด้วย ไรอัน กราเวนเบิร์ช ที่ดูจะปรับตัวกับบทบาทใหม่ได้ดีพอสมควร 

 

 

 

“ก็ฟุตบอลสไตล์ของลิเวอร์พูลมันเข้ากับแนวทางของอาร์เนอยู่แล้ว” เทน ฮาก เคยให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อไม่กี่เดือนที่แล้ว ซึ่งสื่อความหมายถึงความง่ายในการทำงานที่แตกต่างกัน ระหว่างเขาที่ต้องเข้ามารื้อปัญหาหลายอย่างภายในสโมร กับสลอตที่รับงานต่อจากคล็อปป์ที่วางรากฐานเอาไว้เป็นอย่างดี

 

ในบทสัมภาษณ์เดียวกัน นายใหญ่แห่งโอลด์แทรฟฟอร์ดยังแอบ ‘ข่ม’ กุนซือรุ่นน้องเล็กๆ ด้วยว่า “ดูทุกคนจะให้ค่าของฟายนอร์ดสูงเกินไปสักหน่อย” ก่อนจะอธิบายความต่อว่า ความจริงแล้วทีมที่ดีที่สุดของเนเธอร์แลนด์ในฤดูกาลที่แล้วคือพีเอสวี ไอนด์โฮเฟน ภายใต้การนำของ ปีเตอร์ บอสช์

 

ขณะที่การพบกันระหว่างทั้งสองนั้น เคยเจอในเกมอย่างเป็นทางการมาแล้ว 4 ครั้งด้วยกัน

 

สลอตเป็นฝ่ายเอาชนะได้ 2 ครั้งในช่วงที่ยังคุมทีมอาแซด อัล์กมาร์ และเขาก็แพ้ต่ออาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ของเทน ฮาก 2 ครั้งเช่นกันในช่วงที่คุมทีมฟายนอร์ด

 

เรียกว่ามองสถิติแล้วเท่าเทียมกัน และทั้งคู่ต่างก็เคยพาทีมคว้าแชมป์เอเรดิวิซีลีกของเนเธอร์แลนด์มาด้วยกันทั้งคู่ เพียงแต่เทน ฮาก ทำได้เหนือกว่าด้วยการคว้าแชมป์ 3 สมัย ส่วนสลอตได้แชมป์ลีกแค่สมัยเดียวเท่านั้น

 

ที่น่าสนใจคือ การพบกันครั้งล่าสุดในช่วงพรีซีซันที่สหรัฐอเมริกา เกมนั้นลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายเอาชนะได้ขาดลอยถึง 3-0 ก็จริง

 

แต่ในรูปเกมแล้วมีหลายจังหวะที่แมนฯ ยูไนเต็ด ทำได้ดีและมีโอกาสจะยิงประตูมากมายหลายหน เพียงแต่ไม่ผ่านการป้องกันของ ควีวิน เคลเลเฮอร์ นายทวารมือสองที่ลงเฝ้าเสาในวันนั้น

 

 

ดังนั้นเกมที่โอลด์แทรฟฟอร์ดในคืนวันอาทิตย์นี้ จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเทน ฮาก ที่จะแก้ตัว และใช้เป็นการ ‘Kickstart’ ฤดูกาลเหมือนเมื่อ 2 ปีก่อนที่เอาชนะลิเวอร์พูลของคล็อปป์ได้ และพาทีมทะยานคว้าอันดับไปแชมเปียนส์ลีกพร้อมแชมป์ลีกคัพได้สำเร็จ

 

เช่นเดียวกับสลอตที่ทีมเริ่มต้นได้ดีแล้ว หากบุกไปคว้าชัยชนะได้ในเกมแดงเดือดนัดนี้ที่โรงละครแห่งความฝัน ก็ต้องบอกว่าไม่น่าจะมีการเริ่มต้นครั้งไหนที่สวยงามไปกว่านี้อีกแล้ว

 

สงครามสีแดงครั้งนี้จึงน่าจับตา ในฐานะการสั่นระฆังเริ่มต้นยุคสมัยใหม่ของทั้งสองสโมสรอย่างเป็นทางการ

 

ใครต่างก็อยากจะชนะเพื่อเอาฤกษ์เอาชัยด้วยกันทั้งนั้น ถูกไหม?

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising