ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์โลกผันผวนอย่างมากในปีนี้ สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) ของสินค้าอย่างโกโก้และน้ำส้ม พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงครึ่งแรกของปี
ขณะที่ราคาทองคำยังคงปรับตัวสูงขึ้นจากแนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ราคาน้ำมันดิบผันผวนตามข่าวจากตะวันออกกลาง ส่วนราคาโลหะ เช่น แร่เหล็ก กลับลดลงอย่างมาก
วันนี้ THE STANDARD WEALTH จะพาไปดูราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ทำผลตอบแทนดีที่สุดและแย่ที่สุดในปีนี้ รวมถึงแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น
สินค้าโภคภัณฑ์ผู้ชนะแห่งปี 2024
ดัชนี S&P GSCI ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดผลตอบแทนของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวม เพิ่มขึ้น 2.18% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยลดลงมาจาก 12% ในเดือนเมษายน (YTD)
ราคาโกโก้พุ่งสูงขึ้นอย่างมากในปี 2024 โดยปรับตัวขึ้นถึง 66% สัญญาซื้อขายล่วงหน้าของโกโก้พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือ 12,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อเมตริกตัน ในเดือนเมษายน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวเกือบ 5 เท่า ท่ามกลางภาวะขาดแคลนเมล็ดโกโก้ เนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย โรคพืชในแอฟริกาตะวันตก และความต้องการที่เพิ่มขึ้น
Darren Stetzel รองประธานอาวุโสฝ่ายสินค้าโภคภัณฑ์ภูมิภาคเอเชียจากโบรกเกอร์ซื้อขายหลักทรัพย์ StoneX แสดงความเห็นว่าตลาดโกโก้จะเริ่มทรงตัวเมื่อสภาพอากาศในแอฟริกาตะวันตกดีขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2025
ราคาไข่ไก่สูงขึ้นกว่า 62% นับจากต้นปี เป็น 3.57 ดอลลาร์สหรัฐต่อโหล ตามข้อมูลของ FactSet ซึ่งอ้างอิงจากสำนักงานวิจัยสินค้าโภคภัณฑ์และการเกษตรของกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ โดยสาเหตุหลักมาจากการระบาดของไข้หวัดนกในโรงเรือนสัตว์ปีกทั่วสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ
ราคาน้ำส้มในตลาดซื้อขายล่วงหน้าพุ่งสูงขึ้นในเดือนพฤษภาคม และปัจจุบันอยู่ใกล้ระดับสูงสุดตลอดกาลที่ประมาณ 4.49 ดอลลาร์ต่อปอนด์ บนตลาด ICE โดยการผลิตที่ลดลงในรัฐฟลอริดา แหล่งผลิตน้ำส้มคั้นหลักในสหรัฐฯ ประกอบกับสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยในพื้นที่ปลูกส้มหลักในบราซิล ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้ภาคอุตสาหกรรมนี้เข้าสู่ภาวะวิกฤต การผลิตน้ำส้มทั่วโลกมีแนวโน้มลดลงต่อไป โดยเฉพาะแหล่งผลิตหลักในบราซิลซึ่งคิดเป็น 70% ของการผลิตน้ำส้มคั้นทั่วโลกยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง
ราคาทองคำได้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,549.9 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อวันอังคารที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางความคาดหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ รวมถึงความน่าดึงดูดใจของทองคำแท่งในฐานะสินทรัพย์ที่หลบภัย (Safe Haven) แต่ผลตอบแทนของทองคำยังคงน้อยกว่าสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ โดยทองคำเพิ่มขึ้นประมาณ 19.50% นับจากต้นปี 2024 อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนของทองคำยังตามหลังราคายาง ซึ่งปรับตัวขึ้นเกือบ 30% ในปีนี้ และราคากาแฟที่เพิ่มขึ้น 25% ในช่วงเวลาเดียวกัน
แร่เหล็กและธัญพืชเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่ร่วงหนักสุดในปีนี้
ในมุมกลับกัน แร่เหล็กเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดลงมากที่สุดในปีนี้ โดยให้ผลตอบแทนติดลบถึง 27.75% เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่ยังคงซบเซา ส่งผลให้ความต้องการลดลง
Vivek Dhar ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยสินค้าโภคภัณฑ์ด้านเหมืองแร่และพลังงานของ Commonwealth Bank of Australia กล่าวว่า อัตรากำไรของโรงงานเหล็กที่แย่ลงในประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาแร่เหล็กตกต่ำอยู่
ธัญพืชที่บริโภคกันอย่างแพร่หลาย เช่น ข้าวสาลี ข้าวโพด และถั่วเหลือง ก็ประสบกับราคาที่ตกต่ำอย่างมากเช่นกัน สินค้าคงคลังส่วนเกินจำนวนมากในภูมิภาคการผลิตธัญพืชชั้นนำทั้งหมดทั่วโลก และการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของการผลิตน้ำมันจากเมล็ดพืชทั่วโลกทำให้ราคาลดลง การผลิตถั่วเหลืองและเรปซีดทั่วโลกคาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 4.5 ล้านตัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกในรัสเซีย ยูเครน อินเดีย และแอฟริกาตะวันตก
ราคาซื้อขายข้าวสาลีและข้าวโพดใน Chicago Board of Trade ลดลงเกือบ 15% ในปีนี้ ขณะที่ราคาถั่วเหลืองลดลงเกือบ 25% เลยทีเดียว
อ้างอิง: