ฟิลิปปินส์และจีนตกอยู่ภายใต้บรรยากาศตึงเครียดอีกครั้ง หลังเกิดเหตุเรือยามฝั่งของทั้งสองประเทศชนประสานงากันอย่างรุนแรงในพื้นที่พิพาททะเลจีนใต้ บริเวณแนวปะการังซาบินา (Sabina Shoal) ซึ่งเป็นสันดอนปะการังความยาว 22 กิโลเมตร อันเป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะสแปรตลี (Spratly Islands) พื้นที่พิพาทที่จีน ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน และเวียดนาม ต่างอ้างสิทธิ์ครอบครองมานานหลายทศวรรษ
ทั้งสองประเทศต่างกล่าวหาอีกฝ่ายว่าเป็นต้นเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่การเผชิญหน้าและปะทะกันของเรือทั้งสองประเทศเกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
THE STANDARD สรุปที่มาที่ไปของสถานการณ์ร้อนที่เกิดขึ้น ท่ามกลางคำถามสำคัญว่า ความขัดแย้งนี้จะสงบลง หรือมีทางออกของปัญหาพิพาทได้อย่างไร?
เกิดอะไรขึ้น?
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงประมาณ 03.00 น. ของวันจันทร์ (19 สิงหาคม) ตามเวลาท้องถิ่น โดยหน่วยยามฝั่งจีนอ้างว่า เรือของหน่วยยามฝั่งฟิลิปปินส์ 2 ลำ ‘บุกรุก’ เข้าไปในน่านน้ำใกล้กับแนวปะการังดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรือของฟิลิปปินส์ลำหนึ่งชนเรือของหน่วยยามฝั่งจีนโดยเจตนา
ซึ่งคลิปวิดีโอที่เผยแพร่โดยหน่วยยามฝั่งจีนบน Weibo แสดงให้เห็นเรือของจีนกำลังผลักดันเรือฟิลิปปินส์ออกจากแนวปะการัง ขณะที่ CCTV เผยแพร่คลิปวิดีโอขณะที่เรือฟิลิปปินส์พุ่งชนทางด้านซ้ายของเรือจีน
“เรือของหน่วยยามฝั่งฟิลิปปินส์เข้ามาในเขตน่านน้ำใกล้แนวปะการังเซียนปิน (Xianbin Reef) ในหมู่เกาะหนานซา (Nansha Islands) โดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลจีน” เกิ่งหยู (Gan Yu) โฆษกหน่วยยามฝั่งจีนกล่าว โดยใช้ชื่อภาษาจีนเรียกแนวปะการังซาบินาและหมู่เกาะสแปรตลีย์
ขณะที่เขายืนยันว่า หน่วยยามฝั่งจีนดำเนินมาตรการกับเรือของฟิลิปปินส์ตามกฎหมาย พร้อมทั้งเตือนฟิลิปปินส์ให้หยุดการละเมิดและยั่วยุในทันที มิฉะนั้นฝ่ายฟิลิปปินส์จะต้องรับผิดชอบต่อผลที่ตามมาทั้งหมด
ด้านฟิลิปปินส์ระบุว่า เรือของหน่วยยามฝั่งฟิลิปปินส์ 2 ลำกำลังเดินทางไปยังเกาะอื่น ก่อนจะเผชิญหน้ากับเรือจีนที่เคลื่อนที่อย่างอันตรายและผิดกฎหมายใกล้กับแนวปะการัง ส่งผลให้เรือฟิลิปปินส์ทั้ง 2 ลำชนประสานงากับเรือจีนจนได้รับความเสียหาย
โจนาธาน มาลายา ผู้อำนวยการสภาความมั่นคงแห่งชาติฟิลิปปินส์ ตอบโต้ว่าเรือของหน่วยยามฝั่งจีนเคลื่อนที่อย่างอันตรายจนก่อให้เกิดการชน โดยเรือลำหนึ่งที่ชื่อว่า BRP Cape Engano ถูกเรือจีนชนเข้าถึง 2 ครั้ง จนเป็นรูที่คานด้านขวาขนาด 13 เซนติเมตร
สำหรับพื้นที่แนวปะการังซาบินาอยู่ห่างจากเกาะปาลาวัน (Palawan) ของฟิลิปปินส์ไปทางตะวันตก 140 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากเกาะไหหลำ หรือไห่หนาน (Hainan) ของจีนมากกว่า 1,000 กิโลเมตร
โดยในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทางการจีนและฟิลิปปินส์มีการส่งเรือของหน่วยยามฝั่งไปประจำการ และเฝ้าระวังพื้นที่บริเวณรอบแนวปะการังในพื้นที่พิพาท ซึ่งฝ่ายฟิลิปปินส์เกรงว่าจีนจะสร้างเกาะเทียมขึ้นในจุดนี้
12 เดือนปะทะกว่า 10 ครั้ง
สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างทั้งสองฝ่ายเกิดขึ้นมากกว่า 10 ครั้ง ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา โดยมีทั้งการใช้เครื่องฉีดน้ำโจมตีหรือใช้เรือพุ่งชน ซึ่งส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ แต่ยังไม่รุนแรงถึงขั้นมีผู้เสียชีวิต
กรณีก่อนหน้านี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน โดยเรือของหน่วยยามชายฝั่งจีนพุ่งชนเรือยางของทหารฟิลิปปินส์ที่กำลังขนเสบียงไปให้หน่วยทหารที่ประจำการบนซากเรือรบบีอาร์พีเซียร์รามาเดร (BRP Sierra Madre) ซึ่งเป็นเรือรบสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เกยตื้นบนแนวปะการัง Second Thomas Shoal ในหมู่เกาะสแปรตลีมาตั้งแต่ปี 1999
โดยลูกเรือของหน่วยยามฝั่งจีนใช้มีดฟันเรือยาง ทำให้ทหารฟิลิปปินส์ 1 คนบาดเจ็บและเสียนิ้วหัวแม่มือไป 1 นิ้ว ขณะที่คาดว่าชนวนการปะทะเกิดขึ้นเนื่องจากจีนสงสัยว่าเรือของฟิลิปปินส์อาจขนวัสดุก่อสร้างไปขยายฐานทัพบนซากเรือรบดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงชั่วคราวได้ในที่สุด ซึ่งจีนยอมเปิดทางให้กองทัพฟิลิปปินส์ขนส่งเสบียงไปยังสันดอน Second Thomas Shoal แต่จำกัดข้อตกลงเฉพาะในพื้นที่นี้เท่านั้น
จีนเดินหน้าอ้างสิทธิ์ในทะเลจีนใต้
การอ้างสิทธิ์เหนือพื้นที่พิพาทในทะเลจีนใต้ของจีน กับหลายประเทศและดินแดนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก อย่าง ไต้หวัน, บรูไน, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1970
โดยพื้นที่พิพาทเหล่านี้ นอกจากจะเป็นเส้นทางเดินทะเลที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ ยังมีทรัพยากรธรรมชาติและแหล่งประมงที่อุดมสมบูรณ์ และเป็นแหล่งน้ำมันดิบขนาดใหญ่ราว 11,000 ล้านบาร์เรล และก๊าซธรรมชาติกว่า 190 ล้านลูกบาศก์ฟุตที่ยังไม่ถูกขุดเจาะ
ขณะที่จีนกำหนดเส้นแบ่งอาณาเขตของตนในทะเลจีนใต้บนแผนที่อย่างเป็นทางการ ซึ่งมีมาตั้งแต่ปี 1947 โดยแผนที่ฉบับล่าสุดที่เผยแพร่ในปีที่แล้ว มีเส้นแบ่งเขตที่เรียกว่า ‘เส้นสิบขีด (Ten-Dash Line)’ ซึ่งก่อให้เกิดการประท้วงจากหลายประเทศรวมถึงฟิลิปปินส์ ที่มองว่าแผนที่ของจีนนั้นผิดกฎหมาย
โดยที่ผ่านมาในปี 2016 ศาลอนุญาโตตุลาการที่ได้รับการจัดตั้งขึ้นตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล (United Nations Convention on the Law of the Se: UNCLOS) ตัดสินว่าการอ้างสิทธิ์ทางประวัติศาสตร์ของจีนเหนือพื้นที่ในทะเลจีนใต้เป็นโมฆะและไม่มีผลทางกฎหมาย แต่จีนไม่ได้เข้าร่วมในกระบวนการไต่สวนและปฏิเสธคำตัดสินดังกล่าว
ท่าทีของจีนที่เดินหน้าขยายอิทธิพลในพื้นที่พิพาททะเลจีนใต้ ส่งผลให้ความเคลื่อนไหวและการดำเนินการต่างๆ ของประเทศคู่กรณีในพื้นที่พิพาทยังคงเป็นความเสี่ยงที่จะจุดชนวนความขัดแย้งกับจีนได้ตลอดเวลา
ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า ความล้มเหลวในการใช้ช่องทางการทูตเพื่อแก้ไขปัญหาข้อพิพาทระหว่างจีนกับประเทศต่างๆ อาจส่งผลกระทบต่อการบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศในการควบคุมข้อพิพาททางทะเล และก่อให้เกิดการสะสมอาวุธ ซึ่งเสี่ยงต่อสถานการณ์ความมั่นคงในภูมิภาค
สื่อจีนมองสหรัฐฯ เติมเชื้อไฟ
กรณีการปะทะล่าสุดระหว่างเรือจีนและฟิลิปปินส์ ยังเป็นประเด็นที่ทั่วโลกจับตามอง โดยสหรัฐฯ ในฐานะพันธมิตรของฟิลิปปินส์ออกแถลงการณ์สนับสนุนฟิลิปปินส์ และย้ำถึงสนธิสัญญาร่วมปกป้องระหว่างสหรัฐฯ และฟิลิปปินส์ในปี 1951 ท่ามกลางความไม่พอใจของจีนที่มองว่าเป็นการยั่วยุและเติมเชื้อไฟให้รุนแรงขึ้น
บทบรรณาธิการในเว็บไซต์ Global Times สื่อทางการจีนปกป้องหน่วยยามฝั่งจีนว่า ควบคุมเหตุการณ์อย่างมีประสิทธิภาพ และปกป้องสิทธิของตนเองอย่างสมเหตุสมผลตามกฎหมาย ขณะที่โจมตีแถลงการณ์ของวอชิงตันว่า เป็นการทำตัวราวกับเป็น ‘ผู้พิพากษาโลก’ ข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก
นอกจากนี้ ยังชี้ว่าการยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่าของฟิลิปปินส์นั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการ ‘ยุยงและสนับสนุน’ ของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้สถานการณ์ในทะเลจีนใต้กลับสู่บรรยากาศตึงเครียดอีกครั้ง และอาจทำให้เกิดผลที่ร้ายแรงยิ่งขึ้นตามมา
บทบรรณาธิการยังระบุว่า แม้ฟิลิปปินส์และจีนจะบรรลุข้อตกลงชั่วคราวสำหรับสถานการณ์ในสันดอน Second Thomas Shoal แต่แรงผลักดันที่ทำให้รัฐบาลมะนิลายอมเสี่ยงอีกครั้งเกิดจากโต๊ะเจรจา 2+2 ระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศและรัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐฯ และฟิลิปปินส์ ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงมะนิลาเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
พร้อมทั้งชี้ว่า ท่าทีของสหรัฐฯ ในการแทรกแซงข้อขัดแย้งระหว่างจีนกับฟิลิปปินส์ มีเจตนาเพื่อตอกย้ำวาทกรรมที่ว่าจีนเป็น ‘ภัยคุกคาม’ และทำลายความพยายามในการสร้างกลไกแก้ไขปัญหาผ่านการเจรจาของประเทศในภูมิภาคที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังมองว่าสหรัฐฯ มีเป้าหมายที่จะคว้าโอกาสในการขยายการประจำการทางทหารในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เพื่อชิงความได้เปรียบทางด้านภูมิรัฐศาสตร์
ภาพ: China Coast Guard via Weibo / Handout via Reuters
อ้างอิง:
- https://apnews.com/article/china-philippines-south-china-sea-ship-06e9fe0ef440aba09bc650d986d83377
- https://apnews.com/article/china-philippines-sabina-shoal-collision-fd76fcfcbcfcfdce5eb81c9422e8216c
- https://foreignpolicy.com/2024/08/20/china-philippines-south-china-sea-sabina-shoal-escalation/
- https://www.globaltimes.cn/page/202408/1318393.shtml?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR3AslnPKYO9YNNOHvxGIJ-4g2isikn6FdsTNVi_hKRdEtp7_Oqy9KOIihE_aem_pMZQzvil6IKsWWMHQMxuMw