×

Intel ปลด 15,000 คน รับมือรายได้หด-กำไรหาย บริษัทเล็งลดต้นทุน 1 หมื่นล้านดอลลาร์ พลิกโฉมธุรกิจ

02.08.2024
  • LOADING...

Intel ประกาศปลดพนักงานมากกว่า 15% หรือ 15,000 คน อ้างอิงจากจดหมายภายในที่บริษัทส่งถึงพนักงานเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐอเมริกา)

 

การตัดสินใจเดินหน้าลดจำนวนพนักงานครั้งใหญ่นี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนลดต้นทุนที่บริษัทตั้งเป้าว่าจะต้องลดให้ได้ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2025 สืบเนื่องจากรายงานผลประกอบการในไตรมาส 2 ที่ออกมาล่าสุดไม่เป็นไปตามเป้า โดยผลกำไรจากที่เคยได้ 1,500 ล้านดอลลาร์พลิกกลับเป็นขาดทุน 1,600 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสล่าสุด และรายได้รวมที่ออกมา 12,800 ล้านดอลลาร์ก็ลดลง 1% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี

 

บริษัท Intel ระบุว่า การขาดทุนมาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำในผลิตภัณฑ์ AI PC และด้วยความกดดันทางการเงิน บริษัทจึงตัดสินใจระงับการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น โดยจะเริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปีนี้จากการคาดการณ์ว่าแนวโน้มครึ่งหลังของปีจะ ‘ท้าทาย’ มากกว่าก่อนหน้านี้

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 

 


 

“รายได้เราไม่เติบโตตามที่หวัง และเทรนด์ AI ก็ยังไม่ได้สร้างประโยชน์ให้กับเราอย่างมีนัยสำคัญ ตอนนี้ต้นทุนบริษัทสูงเกินไปและอัตรากำไรก็ต่ำเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประเมินจากผลประกอบการที่ออกมาและแนวโน้มในช่วงครึ่งหลังของปี 2024 ซึ่งผิดคาดจากที่คิดไว้ก่อนหน้านี้” แพต เกลซิงเกอร์ ซีอีโอของ Intel กล่าวในบันทึกข้อความถึงพนักงาน

 

หากย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 25 ปีที่แล้ว Intel ถือเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชิป CPU แต่นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาบริษัทกลับปรับตัวรับคลื่นลูกใหม่ได้ช้า อย่างเช่น สมาร์ทโฟนและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งเป็นสาเหตุที่บริษัทจำเป็นต้องปลดคนจำนวนมหาศาลในช่วงเวลานี้ เนื่องจากรายได้ที่หายไปถึง 24,000 ล้านดอลลาร์เมื่อเทียบระหว่างปี 2020 กับสิ้นปีที่แล้ว (ปี 2023) ในขณะที่จำนวนพนักงานโตขึ้น 10% ในช่วงเวลาเดียวกัน

 

แม้ว่า Intel จะเคยเป็นผู้นำ แต่การปรับตัวที่ช้าก็ทำให้บริษัทไม่สามารถได้ประโยชน์จากเทรนด์เทคโนโลยีใหม่เหมือนกับที่คู่แข่งอย่าง NVIDIA จับทางได้ถูก ส่งผลให้รายได้และราคาหุ้นพุ่งขึ้นไปหลายสิบเด้ง

 

นอกเหนือจากการปลดพนักงานแล้ว Intel ยังเปิด ‘การลาออกโดยสมัครใจ’ ในสัปดาห์หน้าสำหรับพนักงานในบริษัท จากจดหมายภายในที่ส่งถึงพนักงาน 

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising