วานนี้ (31 กรกฎาคม) พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เรียกคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีปลูกป่าในโครงการปลูกป่าอย่างมีส่วนร่วม (โครงการปลูกป่าล้านไร่ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)) เข้าชี้แจงเพื่อติดตามเร่งรัดการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมีผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับโครงการปลูกป่าล้านไร่ของ กฟผ.
โดยมี ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.ท. ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เข้าชี้แจงและรายงานข้อมูลผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้น
ดร.หิมาลัย กล่าวว่า จากที่มีผู้ร้องเรียนการทุจริตในโครงการปลูกป่าล้านไร่ของ กฟผ. ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะทำงานได้ดำเนินการครอบคลุมไปถึงที่มาของโครงการ การส่งมอบผืนป่าเพื่อใช้ในการปลูกป่า และการตรวจรับงานของเจ้าหน้าที่ กฟผ. เพื่อให้เกิดความชัดเจนในข้อเท็จจริงตามประเด็นการร้องเรียน
หากมีการกระทำความผิดเกิดขึ้นจริง ผู้กระทำความผิดและผู้เกี่ยวข้องจะต้องได้รับโทษทางวินัยในส่วนของ กฟผ. และโทษทางอาญาด้วย ซึ่งการดำเนินงานของคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการขณะนี้มีความคืบหน้าในระดับหนึ่ง ส่วนตัวได้เร่งรัดการดำเนินงานและเสนอผลการปฏิบัติงานให้ทราบเป็นระยะ
อย่างไรก็ตาม วันนี้ (1 สิงหาคม) พล.ต.ท. ไตรรงค์ และคณะ ได้ลงพื้นที่สำรวจพื้นที่ป่าที่มีการร้องเรียนเรื่องทุจริต ทั้งที่จังหวัดน่านและแพร่ เบื้องต้นพบว่าการปลูกต้นไม้ไม่ตรงตามเอกสารสัญญา จำนวนต้นไม้เมื่อพิจารณาด้วยสายตาจำนวนไม่ครบถ้วน
ทั้งนี้ มีรายงานว่าโครงการปลูกป่าล้านไร่ของ กฟผ. เป็นโครงการอันเนื่องมาจากนโยบายการลดคาร์บอนจากการผลิตพลังงานไฟฟ้า โดย กฟผ. ตั้งเป้าหมายปลูกป่าในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศปีละ 1 แสนไร่ เป็นระยะเวลา 10 ปี รวม 1 ล้านไร่
โครงการดังกล่าวนอกจากวัตถุประสงค์การปลูกป่าแล้ว ยังรวมถึงการบำรุงรักษาป่าต่อเนื่องไปอีก 9 ปี เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2565 ปัจจุบันโครงการได้ถูกระงับอันเนื่องมาจากการร้องเรียนการทุจริต