×

เพราะหัวใจไม่แพ้ วิเวียน กง นักฟันดาบผู้จุดประกายไฟในหัวใจคนทั้งโลก

29.07.2024
  • LOADING...

อาจเพราะจิตใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทำให้กระบี่มือหนึ่งของโลกอย่าง วิเวียน กง พลาดท่าถูกคู่แข่งอย่าง โอริยอง มาลโล-เบรตง มือวางอันดับ 6 ของโลก ทำแต้มนำห่างไปไกลถึง 7-1 ในการแข่งขันฟันดาบ รอบชิงชนะเลิศ ประเภทเอเป้

 

หลายคนที่ชมการแข่งขันอยู่ที่สนาม ณ Grand Palais พระราชวังในกรุงปารีส ก็เชื่อแบบนั้น

 

คะแนนที่ถูกนำห่าง รูปร่างที่เสียเปรียบ ไหนจะเสียงเชียร์ของแฟนๆ ชาวปารีเซียงที่เชียร์นักฟันดาบชาวฝรั่งเศสของพวกเขา ซึ่งหนึ่งในคนที่มาดูในสนามด้วยคือ เอ็มมานูเอล มาครง ประมุขของประเทศ

 

ในช่วงเวลานาทีนั้นเองที่นักฟันดาบสาวชาวฮ่องกงฉุกคิดอะได้บางอย่าง

 

“ฉันจะไม่ยอมแพ้ด้วยคะแนนที่ขาดลอยขนาดนี้เด็ดขาด”

 

เรื่องราวหลังจากนั้นคือหนึ่งในประวัติศาสตร์ของกีฬาฟันดาบ กับการกลับมาที่มหัศจรรย์ที่สุดครั้งหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นด้วยเพลงดาบของหญิงสาวตัวเล็กๆ แต่มีหัวใจใหญ่เท่าท้องฟ้า

 

เรื่องราวที่หลายคนอยากจะหยิบมาเล่าซ้ำแล้วซ้ำอีก

 

 

ความจริงแล้ว วิเวียน กง ไม่ควรจะอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ

 

ถ้าเธอทำตามความต้องการของแม่ สาวชาวฮ่องกงคนนี้อาจจะได้เป็นหนึ่งในนักแสดงบัลเลต์อยู่ที่ใดสักแห่งบนโลกใบนี้

 

แต่หัวใจของเด็กสาวผู้ดูบอบบางและอ่อนหวานคนนี้บอกกับตัวเธอเองว่า “ไม่ ฉันไม่อยากเต้นบัลเลต์ ฉันอยากเล่นกีฬาต่อสู้”

 

เพราะไม่อาจขัดใจลูกได้ คุณพ่อของวิเวียนจึงเลือกส่งเธอไปเรียนเทควันโดเหมือนเด็กทั่วๆ ไปก่อน ในฐานะกีฬาการต่อสู้ที่ดูจะเข้าถึงได้ง่ายและไม่เป็นอันตรายมากนัก ซึ่งหนูน้อยวิเวียนก็ฉายแววอัจฉริยะทางกีฬาด้วยการได้สายดำมาตั้งแต่อายุเพียงแค่ 11 ขวบเท่านั้น

 

แต่ไปๆ มาๆ สิ่งที่เธอชอบและหลงใหลมากกว่าคือกีฬาฟันดาบ 

 

ชุดสีขาว เกราะที่สวมใส่ และท่วงท่าลีลาในการฟันดาบที่ทั้งรวดเร็ว ลื่นไหล พลิ้วไหว แต่เด็ดขาด โดนเข้ากลางใจของวิเวียนอย่างแรง ทำให้เธอหันมาลองเล่นกีฬาประเภทนี้ดู พร้อมตั้งคำถามกับตัวเองในวันนั้นว่า “จะไปได้ไกลถึงไหนกันนะ”

 

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ชีวิตของวิเวียนก็ไม่เหมือนเดิมอีกเลย

 

ด้านหนึ่งเธอเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ นักเรียนที่ดีของครู สำเร็จการศึกษาด้านการทูตจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดในสหรัฐอเมริกา

 

อีกด้านหนึ่ง เธอไล่ล่าหาความฝันของการเป็นสุดยอดนักฟันดาบ ซึ่งยิ่งเล่นก็ยิ่งเก่งกาจ

 

จุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่ของชีวิตก็คือ การที่ประกายแสงในตัวเธอไปเข้าตายอดโค้ชฝีมือดีอย่าง อ็อกตาเวียน ซิดารู ขรัวเฒ่าชาวโรมาเนีย ผู้ที่มองปราดเดียวก็รู้ได้ทันที

 

เด็กคนนี้ไม่ธรรมดา เธอมีโอกาสจะไปไกลถึงจุดที่สูงที่สุดได้ 

 

แต่แน่นอนว่ามันต้องแลกมาด้วยความมานะ บากบั่น และพยายาม ซึ่งต่อให้เก่งแค่ไหนก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

 

 

ภายใต้การดูแลของซิดารูที่เป็นโค้ชให้ตั้งแต่ปี 2015 วิเวียนผ่านบทเรียนมากมาย โดยเฉพาะบทเรียนที่ดีที่สุดเสมออย่างความพ่ายแพ้

 

โค้ชให้โอกาสส่งเธอเข้าร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2016 ที่รีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล ซึ่งเป็นโอลิมปิกเกมส์ครั้งแรกสำหรับหญิงสาววัย 22 ปี ผลงานในครั้งนั้นจบลงที่รอบ 16 คน ซึ่งแม้จะพ่ายแพ้ตกรอบ แต่ก็เป็นความสำเร็จสูงสุดเท่าที่วงการฟันดาบในประเทศเล็กๆ อย่างฮ่องกงเคยมีมา

 

โอกาสครั้งที่ 2 สำหรับวิเวียนเกิดขึ้นในโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในสถานการณ์ที่ยากลำบากทั้งกายและใจ เพราะสำหรับนักกีฬาอย่างเธอ นอกจากที่จะต้องอดทนรอการแข่งขันที่ถูกเลื่อนไป 1 ปีแล้ว ยังต้องลงแข่งขันในความเงียบงัน ไม่มีกองเชียร์ในสนาม เพื่อป้องกันการระบาดของโรคโควิด มีเพียงเสียงเชียร์จากเหล่าอาสาสมัครที่พยายามเอาใจช่วยเธอ

 

เธอพยายามเต็มที่และทำได้ดีกว่าเดิม แต่เส้นทางนั้นจบลงแค่รอบ 8 คนเท่านั้น

 

วันนั้นวิเวียนร้องไห้ทั้งด้วยความเสียใจและซาบซึ้งกับน้ำใจของเสียงเชียร์น้อยๆ แต่ยิ่งใหญ่ที่ได้รับ ก่อนบอกกับหัวใจตัวเองเอาไว้ว่า “ถ้าฉันจะต้องร้องไห้ในการแข่งขันอีกครั้ง ฉันจะต้องร้องไห้ในวันที่ได้รับชัยชนะเท่านั้น”

 

แล้ววันนั้นก็มาถึง

 

เธอไม่เพียงก้าวผ่าน ‘กำแพง’ ในรอบ 8 คนได้ แต่ยังผ่านด่านรอบรองชนะเลิศ ซึ่งเธอไม่อยากแพ้ในรอบนี้ เพราะไม่อยากไปแก้ตัวในการชิงเหรียญทองแดง จนสุดท้ายเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ แต่ก็เป็นรอบชิงชนะเลิศที่ไม่ง่ายเลย

 

โอริยอง มาลโล-เบรตง คู่แข่งของเธอ คือขวัญใจของเจ้าภาพ ซึ่งลงสนามโดยมีเสียงเชียร์กึกก้องหนุนหลัง ที่รวมถึงคนสำคัญของประเทศอย่าง เอ็มมานูเอล มาครง ที่มาชมการแข่งขันอยู่ที่สนามใน Grand Palais อันยิ่งใหญ่สวยงามด้วย

 

ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามาใส่วิเวียน

 

อย่างแรก เธอไม่อยากทำให้ทุกคนผิดหวัง และคนที่เธอกลัวจะทำให้ผิดหวังไม่ได้มีเพียงแค่ครอบครัว คนใกล้ชิด ทีมงาน โค้ช หรือชาวฮ่องกง

 

ความอ่อนโยนทำให้เธอกังวลว่าแฟนเจ้าถิ่นชาวฝรั่งเศสจะรู้สึกอย่างไรถ้านักกีฬาของพวกเขาแพ้ คนเหล่านี้จะรู้สึกผิดหวังแค่ไหน

 

อย่างที่สองคือ เธอเองก็ไม่อยากทำให้ตัวเองผิดหวังเหมือนกัน เพราะลึกๆ แล้วก็กลัวว่าทุกคนจะไม่ให้กำลังใจหรือยืนอยู่เคียงข้างเธออีก

 

 

สิ่งเหล่านี้ทำให้วิเวียน – ซึ่งความจริงเก่งกาจไปถึงขั้นระดับมือวางอันดับ 1 ของโลกแล้ว – พลาดเสียสมาธิไปในช่วงต้นของการแข่งขัน เธอเปิดโอกาสให้โอริยองทำคะแนนนำห่างไปไกลลิบถึง 7-1

 

ประตูสู่เหรียญทองนั้นแทบจะจบลงแล้ว ใครเห็นก็ว่าแพ้แน่

 

แต่ในเสี้ยววินาทีหนึ่งที่วิเวียนได้ตรวจสอบความรู้สึกและถามใจของตัวเอง เธอก็ได้คำตอบบางอย่างที่เป็นแรงผลักดันจากส่วนลึกที่สุดของหัวใจ

 

เธอไม่ได้คิดถึงการกลับมาชนะ แต่คิดแค่ว่า “ฉันจะไม่ยอมแพ้ด้วยผลที่น่าอับอายแบบนี้เด็ดขาด”

 

และสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ สถานการณ์นั้นทำให้วิเวียน ‘ปล่อยวาง’ สิ่งที่อยู่ในใจลง ตลอดมาเธอแบกรับความกดดันอันยิ่งใหญ่ไว้ในร่างเล็กๆ ของเธอ ครั้งนี้เธอตัดสินใจวางมันลง คิดแค่การทำให้ดีที่สุดเท่านั้น เพราะทุกคนก็เคยบอกกับเธอเสมอว่าขอแค่ทำให้ดีที่สุดก็เพียงพอแล้ว

 

ปาฏิหาริย์มาพร้อมกับคนที่ไม่ยอมแพ้เสมอ

 

วิเวียนค่อยๆ ไล่เก็บแต้มตามมาเรื่อยๆ ทีละนิด จนแต้มกลับมาเสมอกันที่ 10-10 และจบลงที่การเสมอกัน 12-12 เมื่อหมดเวลาการแข่งขัน

 

นั่นทำให้ระหว่างเธอและโอริยองต้องตัดสินกันด้วยกฎ Sudden Death

 

‘ดาบเดียว’ รู้ผลทันที

 

และดาบนั้นเป็นของวิเวียนที่เข้าหัวไหล่ของโอริยอง ซึ่งดูเสียสมาธิไปหลังโดนไล่ตามตีเสมอมา ทั้งๆ ที่นำห่างไปขนาดนั้นในตอนแรก 

 

นักฟันดาบสาวชาวฮ่องกงคนนี้จึงสร้างประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ ด้วยการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกให้แก่ประเทศชาติได้ ซึ่งเป็นแค่เหรียญทองที่ 3 ของฮ่องกงในมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ

 

 

หลังชัยชนะ วิเวียนหลั่งน้ำตาร้องไห้กระจองอแงเหมือนเด็กๆ ทำให้ผู้คนไม่ว่าที่อยู่ในสนาม Grand Palais หรือผู้ชมทั่วโลก ต่างรู้สึกเอ็นดู แต่มากกว่านั้นคือ การชื่นชมหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ของเธอที่สร้างปาฏิหาริย์ให้เกิดได้ด้วยตัวเอง

 

วิเวียนไม่ลืมทีมงานและทุกคนที่คอยสนับสนุน รวมถึงโค้ชอย่างซิดารูที่มองเห็นความสามารถและให้โอกาสเธอมาตั้งแต่แรก เธอขอบคุณคนเหล่านี้จากหัวใจ

 

“ตาวี (ซิดารู) อาจจะเป็นคนที่รักกีฬาฟันดาบมากที่สุดในโลก เขาอุทิศชีวิตเพื่อกีฬาชนิดนี้ และฉันก็ดีใจมากที่สามารถทำความฝันของเขาให้สำเร็จด้วยการคว้าเหรียญทองโอลิมปิก”

 

แต่ความฝันนี้ไม่ใช่เฉพาะสำหรับเธอหรือโค้ชเท่านั้น แต่รวมถึงชาวฮ่องกงทุกคนด้วย เพราะชัยชนะครั้งนี้คือ ‘สปิริตของฮ่องกง’ เธอไม่ยอมแพ้เด็ดขาดจนกว่าจะแสดงสปิริตที่ยิ่งใหญ่นี้ให้โลกได้เห็น ซึ่งสุดท้ายเธอทำสำเร็จ เป็นชัยชนะของเธอที่เป็นของคนฮ่องกงทุกคนด้วย

 

เหรียญทองนี้มีค่าอย่างมากสำหรับคนฮ่องกง มันทำให้ดัชนีความสุขในหัวใจภายในประเทศที่ประสบปัญหาหลายด้านเพิ่มขึ้นอย่างมากมายมหาศาล เมืองทั้งเมืองเหมือนได้เห็นแสงสว่างอีกครั้ง

 

รวมถึงเด็กสาวชาวฮ่องกงอีกมากมายที่ได้ชมความมหัศจรรย์ของวิเวียน

 

ตอนนี้โรงเรียนสอนกีฬาฟันดาบในฮ่องกงสายแทบไหม้ไปแล้ว 

 

“หนูอยากเก่งเหมือนพี่วิเวียน กง”

 

แต่สิ่งที่เธออาจไม่รู้ตัวคือ เรื่องราวการต่อสู้ ความไม่ยอมแพ้ของเธอ มันไม่ได้จับหัวใจแค่ชาวฮ่องกง แต่มันคือเปลวไฟจากหัวใจอันร้อนแรงที่ส่งต่อถึงคนทั้งโลกไปแล้ว

 

“ฉันจะไม่ยอมแพ้แบบนี้เด็ดขาด”

 

มันจะทำให้คนอีกมากมายที่เคยท้อแท้ กลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้งอย่างแน่นอน

 

อ้างอิง:

FYI
  • นอกเหนือจากบทบาทนักกีฬาแล้ว วิเวียน กง ยังเป็นคนดังในประเทศด้วยในฐานะผู้นำของคนรุ่นใหม่ ด้วยภาพลักษณ์ที่ดูดี มีทัศนคติที่ดี และมักจะได้รับเชิญไปขึ้นพูดสร้างแรงบันดาลใจบ่อยๆ และแน่นอนเธอคือฮีโร่ของเด็กๆ ฮ่องกงด้วย
  • เธอเป็นเจ้าของเหรียญทองเอเชียนเกมส์ 3 สมัย และเคยได้รับรางวัล ‘นักกีฬาหญิงแห่งปี’ ของฮ่องกง เมื่อปี 2019
  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising