เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (1 กรกฎาคม) ประเทศกรีซประกาศเพิ่มชั่วโมงการทำงานต่อสัปดาห์ หากคิดเป็นจำนวนวันจะเท่ากับ 6 วันต่อสัปดาห์สำหรับบางธุรกิจ เพื่อเร่งผลิตผลของประเทศ สวนทางกับกระแสการทำงานแบบ Work-Life Balance ของบริษัททั่วโลก ที่หันไปลดจำนวนวันทำงานต่อสัปดาห์ลง
ภายใต้กฎหมายแรงงานใหม่นี้ พนักงานภายใต้บริษัทเอกชนที่เป็นรูปแบบการให้บริการแบบทั้งวัน สามารถเลือกที่จะทำงานเพิ่ม 2 ชั่วโมงต่อวัน หรือทำงานเพิ่มอีก 1 วัน เป็นจำนวน 8 ชั่วโมง
การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้จะทำให้ชั่วโมงการทำงานจาก 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในรูปแบบดั้งเดิม ขยายเป็น 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในบางธุรกิจ ซึ่งจะไม่รวมธุรกิจประเภทการให้บริการ ร้านอาหาร และการท่องเที่ยว
รัฐบาลที่มุ่งเน้นธุรกิจซึ่งนำโดยประธานาธิบดีคิเรียกอส มิตโซตากิส ชี้ว่า กฎหมายดังกล่าวดีต่อทั้งคนทำงานและการเติบโตของธุรกิจ เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวต้องการให้พนักงานได้รับการจ่ายเงินในอัตราค่าจ้างการทำงานที่ล่วงเวลา และแก้ปัญหาจำนวนแรงงานที่ไม่ได้แจ้งต่อภาครัฐ
จากข้อมูลขององค์กรด้าน Economic Co-operation and Development เผยว่า เดิมทีกรีซเป็นประเทศที่ชั่วโมงการทำงานมากกว่าสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และอีก 27 ประเทศในสหภาพยุโรปอยู่แล้ว
โดยคนทำงานของกรีซทำงานเฉลี่ย 1,886 ชั่วโมงในปี 2022 มากกว่าจำนวนชั่วโมงการทำงานเฉลี่ยของสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปที่ 1,811 ชั่วโมง และ 1,571 ชั่วโมงตามลำดับ
และการที่มีกฎหมายการให้ทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ ก็จะทำให้ประชาชนกรีซทำงานมากกว่าประเทศอื่นๆ ในสหภาพยุโรปขึ้นไปอีก
จอห์น โอ’เบรนแนน ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายของ Maynooth University เผยผ่าน X (Twitter) ว่า นับเป็นการเคลื่อนไหวของกรีซที่น่าตลกมากที่ตั้งกฎหมายสวนทางจำนวนชั่วโมงการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ในประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศทั่วโลก
ในขณะที่ผู้จัดการของบริษัทที่ปรึกษาและซีอีโอของบริษัททั่วโลกที่ทดลองการทำงานแบบ 4 วันต่อสัปดาห์ ล้วนกล่าวถึงการลดจำนวนวันทำงานต่อสัปดาห์ลงว่า ‘มีผลเชิงบวก’ ต่อองค์กร และมากกว่าครึ่งกล่าวว่า ‘มีผลเชิงบวกมากๆ’ ต่อองค์กร
อ้างอิง: