×

ปปง. จับมือแบงก์ชาติ กำชับให้แบงก์ปฏิบัติตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน-ห้ามเอี่ยวก่อการร้าย

29.06.2024
  • LOADING...

หลังสหประชาชาติ (UN) ออกรายงานฉบับใหม่ระบุว่า ‘ประเทศไทย’ กลายเป็นแหล่ง (Sources) จัดหาอาวุธและยุทโธปกรณ์อันดับ 1 ของรัฐบาลเมียนมา ขณะที่แบงก์ไทยก็อำนวยความสะดวกการชำระเงิน (Facilitate Payments) ของรัฐบาลทหารเมียนมาเป็นอันดับ 1 ในปี 2023 

 

ล่าสุดวานนี้ (28 มิถุนายน) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกัน ระบุว่า สำนักงาน ปปง. และ ธปท. กำชับสถาบันการเงินเรื่องการทำธุรกรรมกับประเทศที่มีความเสี่ยงสูงด้านการฟอกเงิน ตามที่ปรากฏข่าวเกี่ยวกับการทำธุรกรรมของสถาบันการเงินไทยกับประเทศเมียนมานั้น

 

สำนักงาน ปปง. ชี้แจงว่า สำนักงาน ปปง. ได้กำชับให้สถาบันการเงินปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ประกาศ แนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง ในการแสดงตนของลูกค้าและการตรวจสอบ เพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าและการทำธุรกรรมตามมาตรการที่สำนักงาน ปปง. ได้กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด และที่ผ่านมาสถาบันการเงินให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามกฎหมายเป็นอย่างดี

 

อย่างไรก็ตาม หากสำนักงาน ปปง. ตรวจพบว่ามีสถาบันการเงินมิได้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้องแล้ว สำนักงาน ปปง. จะพิจารณาดำเนินการกับสถาบันการเงินนั้นตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

 

ด้าน ธปท. เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา ธปท. กำชับให้สถาบันการเงินปฏิบัติตามมาตรการคว่ำบาตรของ Financial Action Task Force (FATF) และมาตรการของสำนักงาน ปปง. มาอย่างต่อเนื่อง โดยสถาบันการเงินจะต้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าที่ทำธุรกรรมเกี่ยวข้องกับประเทศที่มีความเสี่ยงสูงอย่างเข้มข้น โดย ธปท. พร้อมให้ความร่วมมือกับสำนักงาน ปปง. ในการกำกับดูแลสถาบันการเงิน เพื่อให้มั่นใจว่าไทยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือถูกใช้เป็นช่องทางในการฟอกเงินและสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย 

 

ทั้งนี้มีรายงานฉบับใหม่จากสหประชาชาติ (UN) ระบุว่า ธนาคารใน 7 ประเทศมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้กองทัพเมียนมาโจมตีประชาชนอย่างเป็นระบบและร้ายแรงได้ โดย ‘ประเทศไทย’ กลายเป็นแหล่ง (Sources) จัดหาอาวุธและยุทโธปกรณ์อันดับ 1 ของรัฐบาลเมียนมา ขณะที่แบงก์ไทยก็อำนวยความสะดวกการชำระเงิน (Facilitate Payments) ของรัฐบาลทหารเมียนมาเป็นอันดับ 1 ในปี 2023 เช่นกัน

 

โดยผู้สื่อข่าวพิเศษของสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิมนุษยชนในเมียนมา (UN Special Rapporteur for Human Rights in Myanmar) รายงานว่า ปัจจุบันธนาคารพาณิชย์ของไทยกลายเป็นแหล่งทุนหลักที่กองทัพเมียนมาใช้ซื้ออาวุธและยุทโธปกรณ์ทางทหาร เช่น ชิ้นส่วนสำหรับเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธ ซึ่งใช้ในการสนับสนุนสงครามกลางเมืองที่ดำเนินมากว่า​ 3 ปี รวมทั้งสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงและทำให้พลเรือนเสียชีวิตกว่า 5,000 คน 

 

ทั้งนี้ นับตั้งแต่กองทัพเข้ายึดอำนาจผ่านการรัฐประหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2021 กองทัพเมียนมาก็ได้ต่อสู้ในสงครามที่ทวีความรุนแรงขึ้นกับกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธและกองกำลังต่อต้านจากประชาชนทั่วเมียนมา 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X