วันนี้ (28 มิถุนายน) สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงภาพรวมหน้าตาสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ว่า “ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยรู้จักแต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่เก่ง ซึ่งผมมองว่าคนหน้าใหม่ก็ดีเหมือนกัน เพราะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ถ้าได้แต่คนหน้าเก่าก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพียงแต่ว่าเรายังไม่รู้จักดี เขาอาจจะเก่งกว่าเราก็ได้ ก็ต้องลองดู เพราะเมื่อกติกาเขียนแบบนั้น และผลออกมา สิ่งที่ดีที่สุดก็คือการยอมรับและให้โอกาสในการทำงาน”
ส่วนที่มองว่า สว. มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มและพรรคการเมืองจะทำให้ฐานอำนาจทางการเมืองเปลี่ยนไปหรือไม่ สุทินกล่าวว่าก็ต้องดูที่มา เพราะชุดใหม่มาจากฐานประชาชนที่กว้าง และชุดเก่ามีที่มาจากไหน ก็ต้องเป็นแบบนั้น ซึ่งตนเชื่อว่าฐานอำนาจทางการเมืองมีการเปลี่ยนแปลงแน่นอน แต่จะกระจุกตัวที่ไหน คิดว่าไม่น่าจะเป็นปัจจัยชี้ขาดหรือปัจจัยสำคัญตายตัวที่จะทำให้ สว. เป็นไปแบบนั้น แม้จะมาจากกลุ่มใดก็แล้วแต่ แต่เมื่อเข้ามาแล้วก็จะมีสำนึกใหม่ตามบริบทของประเทศ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดี
เมื่อถามว่า สว. ที่เข้ามาใหม่มีอำนาจอยู่ในมือสามารถเลือกทางเดินในอนาคตได้ใช่หรือไม่ สุทินกล่าวว่าเชื่อว่าอย่างนั้น เพราะเขามาโดยที่ไม่ได้ถูกตั้งมา ไม่ได้มาจากเมืองวิเศษที่ตั้งมา แต่มาโดยการเลือกไขว้โดยไม่รู้ว่ามือไหนเป็นมือไหน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะมือที่ให้เขาเข้ามาจะเป็นมือที่ทำให้เขาได้ทำงานอย่างอิสระ
ส่วนจะทำให้อำนาจทางการเมืองกระจุกตัวหรือไม่นั้น สุทินยอมรับว่าอาจจะกระจุก แต่เชื่อว่าตัวบทกฎหมายและสังคมจะเป็นตัวควบคุม คนที่มีสำนึกใหม่จะไม่ได้อยู่ใต้อาณัติใครทั้งหมด
ขณะที่ฝั่งพรรคเพื่อไทยอย่าง สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ได้รับเลือกเป็น สว. สะท้อนอะไรนั้น สุทินกล่าวว่ามองว่าพรรคเพื่อไทยปล่อยและไม่ได้ไปแทรกแซงตรงนี้ ผลจึงออกมาแบบนี้ เพราะฉะนั้นใครที่คิดว่าพรรคเพื่อไทยจะต้องยึดอำนาจ ครองอำนาจระบบเก่า จะกลับมา ก็ขอให้เลิกคิดได้เลย ปล่อยให้บ้านเมืองเป็นไปตามวิถีของประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่จะมีการเลือกองค์กรอิสระอย่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คนที่เข้ามาเป็น สว. จะมีผลต่อโครงสร้างอำนาจทางการเมืองหรือไม่ สุทินกล่าวว่าเราทำการเมืองแบบตรงไปตรงมาโดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่มีความจำเป็นต้องไปพึ่งองค์กรอิสระหรือล็อกองค์กรอิสระ ถ้าทำดี ประชาชนก็พอใจ ก็ไม่น่าจะไปกังวลกับองค์กรอิสระ แต่ฝ่ายที่ไปยึดองค์กรอิสระเป็นของตัวเองและละทิ้งประชาชน สุดท้ายก็ไปไม่รอด
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่โดนบีบในเกมการเมืองที่เอาสภาสูงมาต่อรองกับสภาล่างใช่หรือไม่ สุทินกล่าวว่าไม่มี ใครจะไปยึดสภาสูง ข่าวที่ออกมาอาจจะไม่ใช่แบบนั้น แต่อำนาจ สว. ก็ไม่ได้มากเหมือนเดิมแล้ว ไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ มีเพียงการกลั่นกรองกฎหมาย เลือกองค์กรอิสระ จึงไม่มีผลมาก
ในช่วงสุดท้าย สุทินยังกล่าวถึงกระแสการเมืองซึ่งโฟกัสไปที่ อนุทิน ชาญวีรกูล และพรรคภูมิใจไทย ที่กำลังมาแรงว่า ไม่หรอก ใครจะไปเดาใจประชาชนได้ อย่าไปคิดกันเอง ให้ไปถามใจประชาชน ทำไมไม่คิดว่าสุทินมาแรงบ้าง ส่วนที่จังหวัดมหาสารคามไม่มีผู้สมัครหลุดเข้ามาเป็น สว. นั้น เพราะเราปล่อยอิสรเสรี ไม่ได้เข้าไปจัดตั้งอะไร