วันนี้ (21 มิถุนายน) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 2 (สมัยวิสามัญ) วาระการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 วาระแรก เป็นวันที่ 3 ซึ่งเป็นวันสุดท้าย ในช่วงหนึ่ง ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย อรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลุกขึ้นชี้แจงต่อที่ประชุม
ยอมรับ กระทรวงฯ ได้รับการจัดสรรงบไม่พอ
อรรถกรชี้แจงกรณีพื้นที่เผาไหม้ที่ฝ่ายค้านซักถาม โดยระบุว่า การเผาไหม้มาจากพื้นที่การเกษตรเป็นส่วนใหญ่ แม้จะมีปัญหาอยู่ แต่ข้อมูลจากดาวเทียม GISTDA ชี้ว่า จุดความร้อนลดลงจากปีที่แล้ว 10% ซึ่งยืนยันว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีแนวทางและมาตรการที่ชัดเจนตามที่ได้แถลงไว้ใน IGNITE THAILAND
ส่วนกรณีที่สมาชิกเป็นห่วงเรื่องราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ อรรถกรยืนยันว่าราคาสินค้าเกษตรเกือบทุกตัวปรับสูงขึ้นในปีที่ผ่านมา และยังเชื่อมั่นแนวทางการทำเกษตรที่แม่นยำ
อรรถกรกล่าวต่ออีกว่า งบของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 120,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่กว่า 70% เป็นงบลงทุน ซึ่งไม่เพียงพอต่อการแก้ปัญหาให้กับประชาชน ดังนั้นจึงเห็นด้วยกับ ชัยชนะ เดชเดโช สส. นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ที่ให้ความเห็นว่า งบประมาณของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับการจัดสรรไม่เพียงพอ
มุ่งเพิ่มรายได้ภาคเกษตร 3 เท่าในปี 2570
จากนั้น ร.อ. ธรรมนัส ได้กล่าวชี้แจงโดยระบุว่า งบประมาณของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องนำมาใช้เพื่อดูแลประชากรทั้งสิ้น 30 ล้านคน แต่ได้งบประมาณ 125,882 ล้านบาท ภายใต้ข้อกำจัดของงบประมาณแผ่นดิน ก็ต้องยอมรับว่าเรามีงบประมาณเท่านี้ จึงต้องแบ่งคัดสรรและต้องแก้ปัญหาให้ตรงจุด
ร.อ. ธรรมนัส ชี้ว่า ต้องแก้ไขกฎหมายก่อน เพื่อให้เข้ากับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นจึงต้องแบ่งเกษตรกรเป็นกลุ่มๆ จะใส่ไปแบบเหมารวมหรือตัดเสื้อโหลไม่ได้เด็ดขาด พี่น้องเกษตรกรที่มีความเข้มแข็ง ต้องส่งเสริมให้สร้างสินค้าการเกษตรที่มีคุณภาพ และส่งเสริมการส่งออกโดยไม่ต้องพึ่งพาภาครัฐ
“ภาคการเกษตรมีปัญหามากมายที่สั่งสมมาเป็นระยะเวลายาวนาน รัฐบาลที่แล้วพยายามแก้ไขแต่แก้ไม่ได้ โดยรัฐบาลนี้ใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนก็สามารถปรับราคาสินค้าเกษตรให้สูงขึ้นได้ ราคาข้าวก็ดีขึ้น ราคายางพาราก็ดีขึ้น ซึ่งเป็นความหวังของคนไทย”
ทั้งนี้ ร.อ. ธรรมนัส ยังเผยด้วยว่า ประเทศไทยส่งออกโคเนื้อไปประเทศซาอุดีอาระเบียสำเร็จเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ซึ่งกำลังหารือว่าการส่งทางเรือจะต้องมีขั้นตอนอะไรบ้าง ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายแล้ว จะใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือน เราจะสามารถส่งโคมีชีวิตไปยังประเทศตะวันออกกลาง โดยเริ่มต้นที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย
รวมถึงมีการขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้านเกี่ยวกับโคเนื้อ ทั้งเวียดนาม มาเลเซีย กัมพูชา และ สปป.ลาว โดยได้รับความร่วมมือจากกรมศุลกากรให้ขยายเวลาในการเปิดด่านเพื่อส่งสินค้า
“เราจะสร้างความเข้มแข็งให้ภาคการเกษตร โดยเพิ่มรายได้ภายในปี 2570 ให้เป็น 3 เท่าตามที่รัฐบาลได้วางเป้าหมายเอาไว้ภายใต้รัฐบาลที่ขับเคลื่อนและภายใต้การตรวจสอบของฝ่ายค้าน เป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องทำงานแบบไตร่ตรองให้ดี ทำงานให้จริงจัง และใส่ใจต่อพี่น้องเกษตรกร“ ร.อ. ธรรมนัส กล่าวสรุป