อัปเดต อุตสาหกรรม EV จีน ท่ามกลางความพยายามสกัดดาวรุ่งของยุโรป

ปัจจุบันจีนมีศักยภาพในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้มากกว่าประเทศอื่นๆ ในโลก ซึ่งแบรนด์ชั้นนำของจีนอย่าง BYD สามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแซงหน้า Tesla ในฐานะบริษัทผู้ผลิต EV ชั้นนำของโลกได้เป็นปีที่สองติดต่อกัน ความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมรถยนต์จีนทำให้สหภาพยุโรป (EU) พิจารณาเรื่องภาษีศุลกากรและการคว่ำบาตรรถยนต์ EV จากจีนมากขึ้นเพื่อควบคุมการนำเข้า สิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อส่วนแบ่งตลาดของบริษัทรถยนต์จีนในตลาด EV ทั่วโลกหรือไม่

ภาพรวมทั้งอุตสาหกรรม EV ของจีน ตอนนี้เติบโตมาขนาดไหนแล้ว

รถยนต์ไฟฟ้าของจีนยังคงรุกตลาดทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากตัวเลขการส่งออกรถยนต์ของประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นนับตั้งแต่การแพร่ระบาดโควิด การส่งออกรถยนต์จากประเทศจีนเพิ่มขึ้นจากประมาณ 1 ล้านคัน เป็น 2 ล้านคัน ระหว่างปี 2020-2021 และตั้งแต่นั้นมาก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2023 มีการส่งออกรถยนต์มากเกือบ 5 ล้านคัน ตามข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งประเทศจีน

การส่งออกรถยนต์ไปต่างประเทศของจีนแซงหน้าประเทศผู้นำด้านรถยนต์อย่างเยอรมนีในปี 2022 โดยจีนส่งออกรถยนต์จำนวนมากไปยังเอเชีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา รถยนต์แบรนด์จีนยังได้รับความสนใจในโลกตะวันตก เนื่องจากความได้เปรียบในแง่ของราคา แม้บางส่วนจะกังวลด้านความปลอดภัยและคุณภาพของรถยนต์แบรนด์จีนก็ตาม

นักวิเคราะห์มองว่า การแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงขึ้น ความนิยมของผู้บริโภคที่คำนึงถึงต้นทุนมากขึ้นท่ามกลางเศรษฐกิจที่ซบเซา ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าของจีนยังคงเติบโตต่อไป

ปัจจุบัน จีนสามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้มากกว่าประเทศอื่นๆ โดยเมื่อเร็วๆ นี้ แบรนด์ BYD แซงหน้า Tesla ในฐานะบริษัทผู้ผลิต EV ชั้นนำของโลก นอกจากนี้ BYD ยังส่งออกรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 240,000 คันในปี 2023 ที่ผ่านมา ซึ่งคิดเป็น 8% ของยอดขายทั่วโลก และมีแผนส่งออกรถยนต์ให้ได้มากถึง 400,000 คันในปีนี้ จีนยังมีแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำอีกหลายสิบรายที่กำลังไปตีตลาดไปทุกภูมิภาคของโลก

แบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของจีนมีอะไรบ้าง

แบรนด์ BYD มีความโดดเด่นที่สุดของจีน เนื่องจากเป็นแบรนด์ EV จีนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก BYD ในอดีตเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ แต่ในปี 2023 ได้มองเห็นศักยภาพในการเข้าสู่อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ บริษัทพัฒนาอย่างรวดเร็วมากจนกลายเป็นผู้ผลิต EV รายใหญ่ที่สุดในโลก และกำลังเข้ามาตีตลาดยุโรป จนทำให้รัฐบาลในสหภาพยุโรปมีความกังวลเป็นอย่างมาก

SAIC Motor เป็น 1 ใน 4 ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในจีนที่มีทางเลือกให้กับทุกคน ไม่ว่าจะมีงบประมาณเท่าใด ขณะนี้แบรนด์รถยนต์ของบริษัท SAIC อย่าง MG กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในยุโรป

NIO เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์รายใหม่ของจีน และยังเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีการพัฒนาเร็วที่สุดในอุตสาหกรรมนี้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา NIO ได้เปิดตัวรถรุ่นต่างๆ มากมาย ซึ่งรวมถึงรถซีดาน รถสเตชันแวกอน และรถ SUV โมเดลของ NIO มีความทันสมัยมาก ซึ่งบางคนมองว่าดียิ่งกว่า Tesla นั่นเป็นสาเหตุที่หลายๆ คนเรียก NIO ว่า Chinese Tesla หลายคนมองว่า NIO อาจเป็นหนึ่งในคู่แข่งของ Tesla ที่น่ากลัวในตลาดโลก และคาดว่าจะเติบโตแบบทวีคูณในอนาคตอันใกล้นี้

สำหรับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำรายอื่นของจีน ได้แก่ GAC, AION, Li Auto, Geely, HUAWEI, CHANGAN, Great Wall Motor และ Chery ซึ่งแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าแต่ละรายของจีนนั้นมีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณ นวัตกรรม และมีข้อเสนอบางอย่างที่สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้

เหตุใดแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าของจีนจึงได้รับความนิยมในยุโรป

รถยนต์ไฟฟ้าของจีนกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในยุโรป ซึ่งนอกเหนือจากราคาที่ถูกกว่ารถยนต์ไฟฟ้าในยุโรป แบรนด์จีนมีข้อเสนอพิเศษมากมายที่เป็นมาตรฐาน รวมถึงการชาร์จฟรี 1-2 ปี กล้องติดรถยนต์ และยางรถชุดพิเศษ รวมถึงข้อเสนออื่นๆ รถยนต์ไฟฟ้าของจีนยังคงมุ่งเน้นไปที่การออกแบบและคุณสมบัติ รวมทั้งปรับปรุงกฎระเบียบด้านความปลอดภัยมากขึ้นด้วย

แม้ว่ารายงานของคณะกรรมาธิการยุโรปจะระบุว่า รถยนต์ EV ของจีนมักขายได้น้อยกว่ารถยนต์ที่ผลิตในสหภาพยุโรปถึง 20% แต่สัดส่วนทางตลาดของรถยนต์ไฟฟ้าของจีนกำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก

รถยนต์ไฟฟ้าของจีนมีส่วนแบ่งการตลาดในสหภาพยุโรปอยู่ที่ 8.2% ในปี 2023 โดยเพิ่มขึ้นจาก 0.5% ในปี 2022 ทางสหพันธ์การขนส่งและสิ่งแวดล้อมแห่งยุโรปคาดการณ์ว่า ส่วนแบ่งการตลาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 11% และอาจสูงถึง 20% ภายในปี 2027

การกีดกันจากยุโรปจะเป็นอุปสรรคขนาดไหน

ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของรถยนต์ EV ของจีน ทำให้สหภาพยุโรปพิจารณาเรื่องภาษีศุลกากรและการคว่ำบาตรรถยนต์ EV ของจีนมากขึ้น เพื่อควบคุมการนำเข้า ผู้กำหนดนโยบายของสหภาพยุโรปเตือนเมื่อไม่กี่เดือนก่อนว่า ยุโรปกำลังถูกถาโถมด้วยรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกของจีน พวกเขากล่าวหาว่ารัฐบาลจีนสนับสนุนการผลิตจนล้นตลาด เพื่อให้ผู้ผลิตรถยนต์ของจีนเพิ่มส่วนแบ่งในตลาด EV ทั่วโลก

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (12 มิถุนายน) คณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวว่ากำลังวางแผนที่จะกำหนดอัตราภาษีรถยนต์ไฟฟ้าของจีนสูงถึง 38% ตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคมเป็นต้นไป และอัตราภาษีดังกล่าวจะแตกต่างกันไปตามผู้ผลิตรถยนต์ อัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ของยุโรปในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 10% ในขณะที่สหรัฐอเมริกาอยู่ที่ประมาณ 27.5%

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่ารถยนต์ EV แบรนด์จีนทั้งหมดจะมียอดขายเติบโตในทุกๆ ตลาดของยุโรป

จากกรณีของ Great Wall Motor ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 7 ของจีนประกาศว่าจะปิดสำนักงานใหญ่ในเมืองมิวนิกของเยอรมนี เนื่องจากยอดขายที่น่าผิดหวัง

สาเหตุหลักของความต้องการที่ลดลงคือการที่เยอรมนีตัดเงินอุดหนุนสำหรับซื้อรถยนต์ EV อย่างกะทันหันในช่วงปลายปี 2023 เพื่อแก้ปัญหาการขาดดุลงบประมาณ ส่งผลให้สัดส่วนของรถยนต์ไฟฟ้าในยอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ทั้งหมดลดลง 2.5% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนเมษายน เหลือเพียง 12.2% โดยรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินยังคงมีสัดส่วนมากที่สุดในการจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ในประเทศที่ 37.3%

แต่ในมุมของ Ferdinand Dudenhoeffer ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยยานยนต์ในเมืองโบคุม เชื่อว่าปัญหาของ Great Wall Motor ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบริษัทเข้าสู่ตลาดยุโรปโดยไม่มีความชัดเจน

“เมื่อพวกเขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร พวกเขาจึงใช้วิธีการลดราคา จากนั้นก็เกิดแนวคิดที่ผิดพลาดในการเข้าสู่ตลาดด้วยหลายแบรนด์พร้อมกัน เช่น WEY หรือ ORA” Dudenhoeffer กล่าวกับ Nikkei Asia

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญของจีนมองว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่น่าจะมีผลต่อบริษัทจีนมากนัก เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนดำเนินการโดยมีอัตรากำไรที่กว้างและข้อได้เปรียบด้านต้นทุนอย่างมากอยู่แล้ว นอกเสียจากว่าจะมีการเก็บภาษีในช่วง 40-50% หรือสูงกว่านี้ ก็อาจทำให้ตลาดยุโรปไม่น่าดึงดูดสำหรับผู้ส่งออก EV ของจีน

อ้างอิง: