เรื่องน่าประหลาดใจมีขึ้นได้เสมอ ข่าวการเตรียมแต่งตั้ง แว็งซองต์ กอมปานี ขึ้นเป็นนายใหญ่คนใหม่ของทีมบาเยิร์น มิวนิก ก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่ทำให้หลายคนเลิกคิ้วโดยไม่ตั้งใจ
จากผู้จัดการทีมที่เพิ่งพาเบิร์นลีย์ตกชั้นแบบไม่มีสภาพ กำลังจะได้คุมสโมสรที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมนี และเป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก
ผู้บริหารทีม ‘เสือใต้’ บาเยิร์น มิวนิก มองเห็นอะไรในตัวของกุนซือชาวเบลเยียมผู้นี้ หรือตัดสินใจบนหลักการและเหตุผลอะไร?
กระแสข่าวระหว่างบาเยิร์น มิวนิก กับ แว็งซองต์ กอมปานี เป็นเรื่องที่แทบไม่มีใครสนใจหรือให้ราคามากนักในช่วงแรก
นั่นเพราะถึงบาเยิร์นจะพลาดหวังจากการทาบทามตัวโค้ชที่เป็นเป้าหมายมาหลายคน แต่ในตลาดยังมีชื่อของโค้ชระดับท็อปที่น่าสนใจเหลืออยู่บ้าง ซึ่งมีความเหมาะสมทั้งฝีไม้ลายมือ ประสบการณ์ ไปจนถึงเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในการทำงาน
หนึ่งในนั้นคือ เมาริซิโอ โปเชตติโน ที่กลายเป็นอดีตผู้จัดการทีมเชลซีไปสดๆ ร้อนๆ หลังแตกหักกับ ท็อดด์ โบห์ลี เจ้าของสโมสร เกี่ยวกับเรื่องของนโยบายในการทำทีม
นอกจากนี้ยังมี โรแบร์โต เด แซร์บี ที่ถูกปลดจากไบรท์ตันเนื่องจากปัญหาความขัดแย้งกับ โทนี บลูม เจ้าของสโมสร หรือแม้แต่ รูเบน อโมริม หนึ่งในโค้ชคนรุ่นใหม่ที่โดดเด่นน่าจับตามองจากสปอร์ติง ลิสบอน
แต่ปรากฏว่าข่าวลือที่ไม่น่าเป็นความจริงกลับกลายเป็นข่าวจริง เมื่อบาเยิร์น มิวนิก ได้เริ่มต้นเปิดการเจรจากับกอมปานีอย่างจริงจัง โดยที่ล่าสุดมีรายงานว่าทั้งสองฝ่ายได้ ‘บรรลุข้อตกลงทางวาจา’ แล้วที่จะจับมือทำงานร่วมกัน
เรื่องนี้สร้างความประหลาดใจให้แก่วงการฟุตบอลอย่างมาก
เพราะไม่ว่าจะมองในมุมไหน โค้ชอย่างกอมปานีก็ดูจะไม่เหมาะสมกับสโมสรในระดับบาเยิร์นเอาเสียเลย
อย่างไรก็ดี หากมองลึกลงไปในรายละเอียดแล้ว ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาบาเยิร์น มิวนิก ได้พยายามตามหาคนที่จะมารับงานนายใหญ่คนใหม่มาอย่างต่อเนื่อง
ปฏิบัติการนั้นเริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ในช่วงที่ตกลงร่วมกันกับ โธมัส ทูเคิล ว่าคงจะทำงานด้วยกันต่อไปไม่ได้แล้วในอนาคตหากผลงานเป็นแบบนี้
แต่ปัญหาที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อไม่มีใครที่อยากจะมาคุมทีมอย่างบาเยิร์นเลย
เริ่มจาก ชาบี อลอนโซ เป้าหมายเบอร์หนึ่งที่บอกชัดเจนว่า ต้องการที่จะอยู่กับไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ต่อไปในฤดูกาลหน้า ซึ่งทำให้ฝ่ายบริหารของสโมสรต้องตามหาเป้าหมายคนถัดไปแทน ก่อนจะถูกปฏิเสธหรือถูกปิดช่องทางจาก ราล์ฟ รังนิก, อูไน เอเมรี และ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์
ไม่นับเด แซร์บี ที่มีกระแสข่าวเล็กๆ แต่ทางบาเยิร์นไม่ได้ให้ความสนใจอย่างจริงจัง รวมถึงอดีตโค้ชอย่าง ยูเลียน นาเกิลส์มันน์ และ ฮันซี ฟลิก ที่ไม่สนใจที่จะกลับมา
บาเยิร์นหมดสภาพจนถึงขั้นขอพูดคุยกับทูเคิลอีกครั้งให้เปลี่ยนใจอยู่คุมทีมต่อไปตามเดิม
เรียกได้ว่ายักษ์ใหญ่จากแคว้นบาวาเรียอับจนหนทางอย่างยิ่ง และนั่นทำให้โอกาสนั้นตกมาถึงโค้ชที่มีประสบการณ์ในการทำงานไม่มากนักและเพิ่งจะล้มเหลวมาด้วยอย่างกอมปานี
คนที่น่าจะเรียกว่าเป็น Plan K มากกว่าเป็น Plan A
แต่คนที่เพิ่งจะพาเบิร์นลีย์ตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกกลับไปเดอะแชมเปียนชิปด้วยการทำผลงานได้เพียงแค่ 24 คะแนนตลอดทั้งฤดูกาล มีความดีความงามตรงไหนที่ฝ่ายบริหารของบาเยิร์นถูกใจ?
จริงอยู่ที่กอมปานีจะพาทีมตกชั้นแบบไม่มีสภาพในฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ ‘เครดิต’ ของอดีตกัปตันทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผู้นี้ถือว่ายังพอขายได้อยู่
กอมปานีในวัย 38 ปี เป็นหนึ่งในโค้ชคนรุ่นใหม่ที่ได้รับการยกย่องในวงการฟุตบอลยุโรป ด้วยสไตล์การทำทีมที่เน้นฟุตบอลเกมรุก บุกอย่างเดียว เรียกว่าเล่นสวยงามถูกใจแฟนๆ อย่างยิ่ง
ช่วงที่เขาทำผลงานได้ดีที่สุดคือฤดูกาล 2022/23 ที่พาเบิร์นลีย์เลื่อนชั้นกลับสู่พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จด้วยการคว้าแชมป์ โดยกวาดไปถึง 101 แต้ม ซึ่งก็เป็นช่วงเดียวกับที่ชื่อเสียงหอมหวานถึงขีดสุด มีหลายสโมสรที่อยากได้ตัวไปคุมทีมเลยทีเดียว
นอกจากสไตล์แล้ว กอมปานียังได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในกลุ่ม ‘ลูกศิษย์เป๊ป’ เพราะเล่นให้กับ เป๊ป กวาร์ดิโอลา หลายปีในทีมแมนฯ ซิตี้ ซึมซับหลักการ วิธีคิด และปรัชญาการทำทีม มาไม่น้อย ซึ่งคนที่เคยร่วมงานกับกุนซืออัจฉริยะชาวกาตาลันแล้วทำผลงานได้ดีก็มีทั้ง มิเกล อาร์เตตา ที่นำอาร์เซนอลกลับมาเป็นทีมระดับท็อปของอังกฤษ หรือล่าสุด เอ็นโซ มาเรสกา อดีตมือขวาที่เป็นผู้จัดการทีมพาเลสเตอร์ ซิตี้ เลื่อนขึ้นชั้น
เรียกได้ว่า ‘แบรนดิ้ง’ ของกอมปานีถือว่าดี
อดีตกองหลังเชิงสูงยังมีประสบการณ์มากมายในการเล่นระดับสูงสุด เป็นกัปตันทีมของทีมที่เต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์อย่างแมนฯ ซิตี้ ที่ทำให้เชื่อว่ามีทักษะในการรับมือนักเตะสตาร์ซึ่งมีอีโก้สูงได้
และในรายละเอียดแล้ว กอมปานีพูดภาษาเยอรมันได้ เนื่องจากเคยเล่นให้กับฮัมบูร์กในช่วงแรกๆ ของชีวิตการเป็นพ่อค้าแข้ง ที่น่าจะทำให้การสื่อสารกับทีมเป็นไปด้วยดีมากขึ้น
สิ่งเหล่านี้คือคุณสมบัติที่ดีที่ทำให้บาเยิร์นรู้สึกสนใจและมั่นใจกับกอมปานี
ส่วนสิ่งที่เป็นข้อกังวลคือ เรื่องของผลงานกับเบิร์นลีย์ในฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งกอมปานีไม่ได้เพียงแค่ล้มเหลวกับการประคับประคองทีมในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่ถูกคู่แข่งย้อนเกล็ดเล่นงานด้วยแท็กติกที่เหนือกว่าและมีประสบการณ์มากกว่า
กอมปานียังล้มเหลวในเรื่องของการบริหารจัดการทีม โดยใช้เงินไปถึง 90 ล้านปอนด์ในการซื้อนักเตะใหม่เข้าทีมกว่า 15 คน ซึ่งมีเพียงไม่กี่คนที่พอจะเล่นได้สมกับความคาดหวัง และกำลังจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ของเบิร์นลีย์ที่ตกชั้น ที่ต้องหาทางผ่องถ่ายนักเตะออกจากทีมหลังจบฤดูกาลเพื่อลดภาระทางการเงิน
โดยสรุปแล้วการที่บาเยิร์น มิวนิก ปักใจเชื่อกอมปานีนั้นจึงเป็นเรื่องของการที่เหลือทางเลือกไม่มากนักในตลาด แม้ว่าจริงๆ แล้วจะพอมีคนดีๆ มีประสบการณ์มากกว่าอยู่บ้างก็ตาม ซึ่งอาจรวมถึง เอริก เทน ฮาก ที่มีข่าวว่าจะโดนปลดจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดด้วย
แรงกดดันจากการที่ไม่สามารถหาใครเข้ามาแทนที่ได้ เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้บอร์ดบริหารของบาเยิร์นตัดสินใจที่จะหาใครสักคนก็ได้ที่จะไม่ปฏิเสธพวกเขา
ชื่อเสียงในฐานะโค้ชดาวรุ่งที่น่าจับตามอง สไตล์การทำทีมที่ใช้ได้ และมีบารมีติดตัวอยู่บ้างจากครั้งเป็นนักเตะ ทำให้กอมปานีเป็นคนที่กำลังจะได้รับเลือก
เพียงแต่การตัดสินใจครั้งนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากการเดิมพันแบบ ‘หน้ามืด’ ของทีมผู้บริหารบาเยิร์น ที่ยิ่งเวลาผ่านก็ยิ่งมองเห็นความล้มเหลว ความไม่เอาไหน ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้สโมสรยักษ์ใหญ่ระดับนี้ต้องตกอยู่ในสภาพนี้
จริงอยู่ที่กอมปานีอาจจะเป็น ‘ผู้กอบกู้’ พาทีมกลับมาผงาดอย่างยิ่งใหญ่ได้อีกครั้งในฤดูกาลหน้า
แต่สิ่งที่ตอนนี้ทุกคนกังวลมากกว่าคือ เขาอาจจะพาบาเยิร์นร่วงลงไปกองกับพื้น นอนนับดาวไม่ได้สติ
เพราะสโมสรอย่างบาเยิร์น มิวนิก ไม่ใช่ ‘ใครก็ได้’ ที่จะมาคุมทีม
ประวัติศาสตร์บอกกับเราเช่นนั้นเสมอมา
อ้างอิง:
- https://www.nytimes.com/athletic/5512533/2024/05/23/bayern-munich-vincent-kompany-manager-tactics/
- https://www.theguardian.com/football/article/2024/may/22/bayern-munich-close-to-deal-for-vincent-kompany-to-take-over-as-manager