หุ้นในกลุ่มของ บมจ.ปตท. (PTT) รายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ของปี 2567 ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้ว่ายอดขายของทั้ง 7 บริษัทโดยภาพรวมจะทรงตัวอยู่ที่ 1,409,369 ล้านบาท เติบโตเล็กน้อย 0.9% จากช่วงเดียวเวลากันของปีก่อน แต่กำไรสุทธิเติบโตขึ้น 5.12% มาอยู่ที่ 59,040 ล้านบาท
จักรพงศ์ เชวงศรี ผู้อำนวยการอาวุโส บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า กำไรของหุ้นกลุ่ม ปตท. ส่วนมากออกมาใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ โดยจะมีสองบริษัทที่กำไรออกมาดีกว่าที่คาด ได้แก่ บมจ.ไทยออยล์ (TOP) ที่มีกำไร 5,863 ล้านบาท ดีกว่าที่ประเมินไว้ 12% และอีกบริษัทคือ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ที่แม้จะขาดทุน 606 ล้านบาท แต่เป็นผลขาดทุนที่น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้
โดยภาพรวมแนวโน้มกำไรไตรมาส 2 ของทั้งกลุ่มน่าจะอ่อนตัวลง ยกเว้น บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ที่กำไรน่าจะดีขึ้นเล็กน้อยจากทิศทางของราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น
ส่วนธุรกิจโรงกลั่นน่าจะถูกกดดันจากค่าการกลั่นที่ลดลง 3-4 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วน PTTGC จะมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้นบางส่วนใน PTT Digital Solutions และกำไรจากการซื้อหุ้นกู้คืน รวมประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท
ในมุมของการลงทุน หากพิจารณาจากราคาในปัจจุบัน หุ้นหลายตัวยังค่อนข้างต่ำกว่ามูลค่า อย่างเช่น PTTEP ที่ราคาปัจจุบัน (154 บาท) ยังต่ำกว่าราคาพื้นฐานที่ประเมินไว้ 185 บาท ส่วนหุ้นโรงกลั่นอาจต้องรอให้ผ่านไตรมาส 2 ที่ผลประกอบการน่าจะอ่อนแอ แต่ในระยะกลางถึงยาวแล้วอุตสาหกรรมยังมีแนวโน้มที่ดี เนื่องจากกำลังการผลิตโดยรวมลดลงและความต้องการใช้น้ำมันยังเพิ่มขึ้น
ส่วน บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) แม้กำไรล่าสุดจะฟื้นตัวดี แต่ภาพรวมยังมีความเสี่ยงจากค่าการตลาดที่อาจไม่ได้ถูกปรับขึ้นให้สะท้อนกับต้นทุนของราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากผลขาดทุนของกองทุนน้ำมันในประเทศอยู่กว่า 100,000 ล้านบาท
ภาพประกอบ: ธิดามาศ เขียวเหลือ