วันนี้ (11 พฤษภาคม) ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจลงพื้นที่ตรวจราชการวันที่สองของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมรัฐมนตรีและคณะ ติดตามปัญหาน้ำท่วมขังซ้ำซากในพื้นที่เทศบาลแก้มลิง ตำบลปากแพรก อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้รับฟังบรรยายปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งพื้นที่มีการเสนอแผนงานโครงการงานพัฒนาพื้นที่ชุมชนตามผังเมืองรวมกาญจนบุรี 3 ระยะ คือ งบประมาณก่อสร้างระบบระบายน้ำบ้านหัวนาล่าง ปี 2567 จำนวน 200 ล้านบาท งานก่อสร้างระบบระบายน้ำบริเวณโค้งทางรถไฟ งบประมาณปี 2568 จำนวน 180 ล้านบาท และการระบายน้ำบ้านเขาใหญ่-บ้านพุรางนิมิต งบประมาณปี 2569 จำนวน 250 ล้านบาท
โดยนายกรัฐมนตรีขอให้เร่งบริหารจัดการโครงการ เนื่องจากที่ผ่านมาทราบว่าน้ำท่วมทุกปี พร้อมกับดูเรื่องงบประมาณให้เหมาะสม รวมถึงเร่งดำเนินการแผนการพัฒนาพื้นที่บริเวณย่านสถานีกาญจนบุรี
นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณลงมาเรียบร้อยแล้ว ขอให้กรมโยธาธิการและผังเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัด เร่งดำเนินการและทำงานตามแผน เนื่องจากอีก 3-4 เดือนจะถึงฤดูฝน จึงต้องเร่งขุดลอกแก้มลิงตรงนี้ให้ลึก 4 เมตร ก็น่าจะเป็นการบรรเทาและช่วยแก้ไขปัญหาได้ ส่วนการรถไฟแห่งประเทศไทยก็มีแผนงานโครงการอยู่แล้ว ก็ขอให้เร่งพัฒนาตรงนี้ให้ได้โดยเร็ว เพื่อบรรเทาความทุกข์ยากของประชาชน
เยี่ยมฟาร์มโคนม สั่งทำการตลาดส่งเสริมเกษตรกรพื้นที่
จากนั้นนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะเดินทางมายังฟาร์มโคนม M Milk Dairy Farm โดยได้ป้อนนมลูกวัวอายุ 1 สัปดาห์ จำนวน 2 ตัว ก่อนรับฟังบรรยายสรุปข้อมูลพื้นฐานด้านปศุสัตว์โคนม จังหวัดกาญจนบุรี ทั้งในส่วนของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม เรื่องปัญหาด้านผลผลิตตกต่ำจากการจัดการที่ไม่เหมาะสม ปัญหาขาดดุลจากการบริหารที่ไม่เหมาะสม และปัญหาต้นทุนการผลิตสูงขึ้นแต่จัดการได้ไม่เหมาะสม รวมถึงปัญหาเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมลดลง โดยปัจจัยในการเลิกเลี้ยงมีเยอะ เนื่องจากไม่มีกำไรและต้นทุนอาหารที่สูงขึ้น รวมถึงเรื่องสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น ทำให้ปริมาณน้ำนมวัวลดน้อยลง
ขอบคุณกองทัพปิดทองหลังพระช่วยเหลือประชาชน
ขณะที่ช่วงบ่าย ที่กองพลทหารราบที่ 9 นายกรัฐมนตรีเป็นประธานประชุมหารือประเด็นปัญหาและการพัฒนาจังหวัดกาญจนบุรี ร่วมกับรัฐมนตรี หน่วยงานความมั่นคง และผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี
โดยเศรษฐากล่าวว่า ต้องขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดที่ได้ติดตามงานอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะปัญหาเอกสารสิทธิ์ที่ดินทำกิน เพราะเรื่องนี้คั่งค้างมาตั้งแต่ปี 2481 พี่น้องประชาชนเดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ทำกิน การอยู่อาศัย ไม่มีไฟฟ้า ถือเป็นปัญหาต่อเนื่องของเอกสารสิทธิ์ ต้องขอบคุณในความคืบหน้าที่มีมาโดยตลอด
นอกจากนี้ ขอขอบคุณทางกองทัพด้วย และหวังว่าการกันพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาแบ่งให้ประชาชนทำมาหากินจะไม่หยุดแค่นี้ รวมถึงการใช้ยุทโธปกรณ์มาช่วยพี่น้องประชาชนในเรื่องของภัยแล้งและน้ำท่วม การขุดลอกคูคลองต่างๆ
“ท่านปิดทองหลังพระนานแล้ว ถือเป็นช่วงเวลาที่เราต้องมาพูดคุยกันว่าทางกองทัพจะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้อย่างดีเยี่ยม รวมถึงเรื่องความช่วยเหลือต่อต้านยาเสพติดด้วย” เศรษฐากล่าว
เศรษฐากล่าวต่อว่า สำหรับแผนการท่องเที่ยวที่ได้เสนอแผนมาถือว่าดี แต่อยากให้คนมาจับจ่ายใช้สอยในจังหวัดให้มากขึ้น ให้อยู่หลายคืน เศรษฐกิจท้องถิ่นจะดีขึ้น ส่วนเรื่องการคมนาคม ตอนนี้มีการเปิดไฮเวย์ชั่วคราว สัญจรกรุงเทพฯ มาถึงที่นี่ได้ดีขึ้น ทำให้เมืองเจริญขึ้น ทั้งการไปมาหาสู่ภายในประเทศ หรือการติดต่อประเทศเพื่อนบ้าน
ส่วนการค้าขายชายแดนมีการพัฒนาคมนาคม ทั้งรถไฟ ถนน สามารถร่นระยะเวลาไปได้ 3-4 ชั่วโมง แต่หากถึงชายแดน ถ้าเสียเวลาตรวจสินค้าพ้นเวลาข้ามคืนไปขนส่งไม่ได้ จะต้องทำเป็นระบบ One Stop Service โดยให้กรมศุลกากรนำร่อง ซึ่งตนขอความร่วมมือจากทุกหน่วยงานด้วย อยากให้สำเร็จในเดือนกันยายนนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับการที่เราพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไปพร้อมๆ กัน
ฝากดูกฎหมายที่ดิน หลังต่างชาติเริ่มจองพื้นที่ปลูกทุเรียนส่งออก
เศรษฐากล่าวอีกว่า ในส่วนเรื่องการทำเกษตรกรรม ผู้ว่าฯ บอกว่าเริ่มมีคนปลูกทุเรียนเยอะ ต่างชาติเริ่มมาจับจองพื้นที่และปลูกทุเรียนส่งออก ขอให้เน้นการทำมาหากินที่ถูกต้องตามกฎหมาย และคุ้มครองเกษตรกรไทย
ขณะที่เรื่องการบริหารจัดการน้ำถือเป็นเรื่องสำคัญ จริงๆ แล้วทั้งจังหวัดกาญจนบุรีมีเขื่อน 3 เขื่อน เชื่อว่าการขาดแคลนน้ำไม่มี แต่เป็นเรื่องของการบริหารให้เพียงพอ และใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่
นอกจากนี้ เรื่องของสถานการณ์ชายแดนถือเป็นเรื่องสำคัญ ต้องขอขอบคุณกำลังพลและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่ช่วยกันทุ่มเททำงานอย่างหนัก ซึ่งส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน
“สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในสายตาของสาธารณชนไม่ค่อยเป็นประเด็น แต่ถ้าเราปิด ไม่ให้ยางเถื่อนเข้ามาได้ ส่งผลให้ราคายางขึ้น 3-4 เท่า ถือเป็นเหตุผลเดียวก็ว่าได้ เพราะเราเป็นผู้ค้ายางระดับใหญ่ของโลก มีพื้นที่ยางกว่า 25 ล้านไร่ หากเราบริหารจัดการได้ดี ไม่มีของเถื่อนเข้ามา ชีวิตความเป็นอยู่พี่น้องจะดีขึ้น” เศรษฐากล่าว
ยาบ้า 1 เม็ด-ครึ่งเม็ด ถ้าขายจับหมด
ส่วนเรื่องยาเสพติด เศรษฐากล่าวว่า เราทำกันได้ดี จับได้มากกว่าปีก่อนๆ 3-4 เท่า แต่เรื่องน่าเศร้าคือราคายาต่อเม็ดไม่ขึ้น แสดงว่าซัพพลายเข้ามาเยอะมาก เป็นเรื่องที่เราต้องยอมรับว่าปวดหัว
“ขอฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย ไม่ว่าทหาร ตำรวจ และหน่วยงานการปกครอง ช่วยกันทำหน้าที่ให้หนักขึ้น ให้สมกับการประกาศปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ ให้มีผลเป็นรูปธรรมภายใน 90 วัน และทำให้ยาเสพติดหมดไป จัดการกับผู้ค้ารายใหญ่และรายย่อยให้ราบคาบ รวมถึงบำบัดลูกหลานที่ติดยาให้สำเร็จไปด้วยกัน ยืนยันจะเป็น 1 เม็ดหรือครึ่งเม็ดก็ตาม ถ้ามีจุดมุ่งหมายในการขายจับหมด แต่ถ้าเป็นผู้เสพแล้วเข้ามามอบตัวแล้วก็ปรับให้เป็นผู้ป่วยรักษา ตรงนี้เป็นนโยบายหลักที่ได้ดำเนินการมา และเป็นเรื่องสำคัญ” เศรษฐากล่าว