ในทุกครั้งที่มีการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆ เรามักได้ยินเหล่า Developer ผู้พัฒนาโครงการอสังหาพากันประโคมข่าวแนวคิดเรื่องทำเลที่ตั้งของโครงการที่ผูกติดกับนิยาม CBD หรือ Central Business District ย่านทำเลธุรกิจที่สำคัญ ‘ใจกลางเมือง’ กันเป็นหลัก ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดแปลกแต่อย่างใด เพราะถือเป็นการ Bold จุดแข็ง ขยี้จุดขายของตัวเอง
แต่ในความเป็นจริงแล้ว แค่ทำเลที่ตั้งที่ได้เปรียบ เข้าถึงได้สะดวกสบาย อยู่ใจกลางเมือง ก็อาจไม่ได้หมายความว่าสถานที่แห่งนั้นจะสามารถตอบโจทย์ความเป็นอยู่ของผู้คนได้อย่างทะลุปรุโปร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากสถานที่ดังกล่าวไม่ได้ถูกออกแบบขึ้นมาโดยเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของผู้คน หรือหวังที่จะยกระดับสถานที่นั้นๆ ให้เข้าไปอยู่ ‘กลางใจ’ ของพวกเขา
ที่ THE STANDARD POP เกริ่นมาเช่นนี้ก็เพราะว่าเมื่อเร็วๆ นี้เราเพิ่งมีโอกาสได้เห็นแคมเปญใหม่ที่น่าสนใจของ One Bangkok โครงการอสังหาที่วางตัวเองเป็นแลนด์มาร์กระดับโลกใจกลางกรุงเทพฯ ภายใต้ความตั้งใจให้ใจกลางเมืองเป็น ‘เมืองกลางใจ’ ซึ่งถือเป็นการใช้คำที่ตรงกับวิสัยทัศน์ที่ต้องการให้เกิดขึ้น ทั้งในแง่การฉีกวิธีการสื่อสารที่จำเจของวงการอสังหา พร้อมๆ กันกับการสื่อถึงความตั้งใจที่แท้จริงของพวกเขาในการสร้างสรรค์โครงการแห่งนี้
ทำไม The Heart of Bangkok หรือเมืองกลางใจโดย One Bangkok ถึงมีความสำคัญ แล้วในมิติมุมมองของผู้คน การที่เมืองสักเมืองถูกสร้างขึ้นมาเพื่อหวังจะเข้ามาอยู่กลางใจ ชนะใจผู้อยู่อาศัย ผู้เยี่ยมเยือน ไม่ว่าจะถาวรหรือชั่วคราว สิ่งเหล่านี้สะท้อนอะไรกันแน่?
เมืองกลางใจที่ใช้ใจออกแบบเพื่อให้ทุกใจได้สัมผัสและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกแง่มุม
เหตุผลที่ง่ายและทัชใจที่สุดที่ One Bangkok ตัดสินใจเลือกจะใช้นิยามคำว่า ‘เมืองกลางใจ’ เป็นเมสเสจหลักในแคมเปญสื่อสารเปิดตัวโครงการก็เพราะ One Bangkok มองว่าโครงการของพวกเขาบนพื้นที่กว่า 108 ไร่นั้นเป็นโครงการที่มีสเกลใหญ่ระดับ ‘เมือง’ ซึ่งจะประกอบไปด้วยโซนต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นที่พักอาศัยระดับ Ultra Luxury, โรงแรม, พื้นที่รีเทล, อาคารสำนักงาน, พื้นที่สีเขียว, พื้นที่การเรียนรู้และความคิดสร้างสรรค์ โดยที่เมืองแห่งนี้ยังตั้งใจออกแบบพื้นที่ทุกตารางเมตรเพื่อเติมเต็มทุกๆ ความต้องการของผู้คนในทุกช่วงจังหวะชีวิตและในทุกมิติของความต้องการ ที่แม้แต่ในบางทีพวกเขาอาจจะไม่ได้เคยจินตนาการถึงด้วยซ้ำ!
เชื่อว่าทุกคนที่ติดตามข่าวมาก่อนหน้านี้คงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าภายในเมือง One Bangkok นี้ได้มีการแบ่งพื้นที่ออกเป็นหลายส่วนเพื่อตอบสนองทุกๆ ความต้องการของผู้คนที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโซนที่พักอาศัยหรือโซนโรงแรม ที่มอบประสบการณ์อยู่อาศัยหรือการพักผ่อนของทุกคนให้พิเศษยิ่งกว่าเคย
โซน Office Tower ที่ถูกนิยามว่าเปรียบเสมือน Hub of Visionaries ซึ่งพร้อมเป็นแพลตฟอร์มขับเคลื่อนผู้คนที่มีวิสัยทัศน์ให้บรรลุทุกเป้าหมายและความสำเร็จในชีวิต หรือโซนรีเทล ซึ่งจะเป็นศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ของผู้คนที่เปิดโอกาสให้พวกเขาหรือเธอได้ทั้งช้อปปิ้ง ค้นพบประสบการณ์ใหม่ๆ หรือเก็บเกี่ยวทุกโมเมนต์ไลฟ์สไตล์อย่างล้ำค่าแบบที่หาไม่ได้จากที่อื่น
ที่น่าตื่นเต้นไม่แพ้กัน และต้องยอมรับว่าทีมงานทุกคนของ THE STANDARD POP เองต่างก็ตั้งตารอคอยและคาดหวังจะได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์ด้านการเสพผลงานศิลปะและวัฒนธรรมที่สดใหม่มากขึ้นกว่าเดิม นั่นคือพื้นที่โซนจัดแสดงศิลปะและวัฒนธรรม ที่ทาง One Bangkok บอกว่าจะมีการหมุนเวียนนำนิทรรศการและผลงานศิลปะมาจัดแสดงให้ได้เข้าชมอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างแรงบันดาลใจที่สดใหม่และไม่จำเจ
โดยที่หนึ่งในนั้นคือ Art Loop ซึ่งถือเป็นไฮไลต์เด็ดของพื้นที่ Art & Culture ของ One Bangkok เลยก็ว่าได้ เพราะเป็นระยะทาง 2 กิโลเมตรที่มีการรวบรวมผลงานศิลปะมาจัดแสดงโดยรอบโครงการ ให้ผู้คนทั้งที่อยู่อาศัยหรือคนที่เข้ามาเยี่ยมชมโครงการได้ ‘เข้าใกล้’ ศิลปะมากขึ้นในอีกมิติ ประหนึ่งว่างานสร้างสรรค์เหล่านี้ถูกหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้คนทุกคนที่ตบเท้าเข้ามายัง One Bangkok เลยก็ว่าได้
เรื่องนี้นับว่ามีความหมายมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใครมีโอกาสได้เดินทางไปยังประเทศที่เฟื่องฟูในแง่ศิลปะและวัฒนธรรม เช่น สหรัฐฯ, อิตาลี, ฝรั่งเศส หรือแม้แต่ฮ่องกงและไต้หวัน ก็จะพบว่าประเทศเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีพื้นที่ที่พร้อมสร้างแรงกระเพื่อมด้านแรงบันดาลใจให้กับผู้คน ผ่านทั้งมิวเซียม, Art Gallery, โรงละคร ฯลฯ อีกมากมายเต็มไปหมด ดังนั้นการที่ One Bangkok จะมีความมุ่งมั่นในการส่งต่อและสร้างแรงบันดาลใจด้านงานศิลปะและวัฒนธรรมจึงถือเป็นเรื่องที่ดีงามมากๆ ต่อทั้งระดับผู้คน สังคม และประเทศ
ความเป็นเมืองกลางใจของผู้คนไม่ได้จำกัดแค่พื้นที่โซนอยู่อาศัย, โซนรีเทล, โซนออฟฟิศ หรือโซนจัดแสดงผลงานศิลปะเท่านั้น เพราะภายในเมือง One Bangkok ยังได้มีการหว่านเมล็ดพันธุ์พืชจำนวนมากเพื่อเนรมิตปอดสีเขียวแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพมหานครขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนที่อยากจะสูดอากาศบริสุทธิ์มีสุขภาพที่ดี ได้วิ่งออกกำลังกาย วิ่งเล่นกับลูกๆ คนที่รัก พาคุณพ่อคุณแม่เดินใต้ร่มเงาแมกไม้นานาพันธุ์ ได้ใช้เวลาหย่อนใจในสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ได้อิ่มเอมและเติมเต็มทุกความต้องการดังกล่าวได้อย่างถ่องแท้ผ่านพื้นที่สีเขียวและพื้นที่เปิดโล่งขนาด 50 ไร่ในโครงการ
ซึ่งข้อได้เปรียบของการตั้งอยู่บน Prime Location Hub ณ บริเวณหัวมุมถนนวิทยุและถนนพระราม 4 ก็จะสะท้อนออกมาผ่านการที่พื้นที่สีเขียวของ One Bangkok สามารถแผ่กิ่งก้านไปเชื่อมยังพื้นที่สีเขียวสาธารณะของกรุงเทพฯ เชื่อมจากสวนลุมพินีจรดไปยังสวนเบญจกิตติบนพื้นที่รวมเบ็ดเสร็จกว่า 700 ไร่ เปรียบเสมือนปอดยักษ์ทั้งสองข้างของกรุงเทพฯ ที่คอยฟอกอากาศบริสุทธิ์ให้กับทุกชีวิต ได้มีคุณภาพความเป็นอยู่และอากาศที่ดีให้สูดไหลเวียนเข้าไปสร้างมวลออกซิเจนแห่งความสุขและความปลอดโปร่งในร่างกาย
ไม่เพียงเท่านั้น อีกหนึ่งหัวใจของพื้นที่สีเขียวใน One Bangkok ที่เปรียบได้ดั่งไฮไลต์ของตัวโครงการคือต้น Golden Tree (ต้นไม้ที่มีใบสีเหลืองทองที่เรามักได้เห็นในคอนเทนต์โปรโมตโครงการ One Bangkok) ซึ่งจะบานสะพรั่งและเปล่งสีทองอร่ามเมื่อตัดสะท้อนกับแสงแดดรำไรในช่วงฤดูร้อนของทุกปี โดยที่เจ้าต้น Golden Tree นี้จะถูกปลูกยังตลอดสองข้างทางของถนนบูเลอวาร์ดภายในโครงการ เพื่อให้ผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาได้อบอุ่นหัวใจและหลงใหลไปกับความสวยงามของธรรมชาตินี้
ที่พิเศษที่สุดคือแม้ว่าพื้นที่ในเมืองแห่งนี้จะมีอาณาบริเวณมากถึง 108 ไร่ ซึ่งแปลความหมายโดยรวบรัดได้ว่ากว้างใหญ่ไพศาลสุดลูกหูลูกตา แต่เพราะแก่นคิดในการออกแบบเมืองแห่งนี้ให้ตอบโจทย์ทุกชีวิตตามนิยามเมืองกลางใจ ดังนั้นทุกจุด ทุกหมุดหมายในตัวโครงการจึงเอื้อความสะดวกให้ผู้คนสามารถเดินเชื่อมถึงกันภายในระยะเวลา 15 นาที (Walkable Neighborhood) แบบไร้รอยต่อ เพื่อให้เกิดประสบการณ์แบบ Seamless Experience ตามแนวคิด 15 Minute Walking City ที่ ศ.คาร์ลอส โมเรโน ได้คิดค้นขึ้น
สำหรับแนวคิด 15 Minute Walking City นั้นเชื่อว่าการสร้างเมืองที่ดีจะต้องเอื้อประโยชน์ให้ผู้คนสามารถเดินทางถึงกัน เข้าถึงทุกสิ่งอย่างที่จำเป็นในชีวิตประจำวันด้วยระยะเวลาเพียง 15 นาที ซึ่งไม่เพียงแต่จะลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ แต่จะยังเพิ่ม ‘เวลา’ ให้ผู้คนได้นำไปสร้าง Values กลับคืนสู่คุณภาพชีวิตตัวเองได้อย่างมหาศาล ทั้งยังปลดล็อกการที่ให้ผู้คนในชุมชนได้เชื่อมต่อถึงกันมากยิ่งขึ้น เพื่อความแข็งแรงของคอมมูนิตี้ในเมืองอีกด้วย ซึ่งก็เป็นแนวคิดที่ถูกนำมาปรับใช้กับการสร้างเมืองของ One Bangkok นั่นเอง
ส่วนใครที่กังวลว่าแดดและอุณหภูมิอากาศความร้อนในประเทศไทยอาจจะทำให้แนวคิด 15 Minute Walking City เป็นไปได้ยากก็อย่าเพิ่งกังวลไป เพราะตลอดสองข้างทางของถนนทุกเส้น ทุกมุมใน One Bangkok ล้วนแล้วแต่มีการปลูกต้นไม้ไว้เป็นร่มเงาให้กับผู้คนแทบทั้งสิ้น จึงมั่นใจได้เลยว่าคุณจะสามารถเดินเหินไปไหนมาไหนได้อย่างอุ่นใจ ร่มเย็น ทั้งยังย่นระยะเวลาในการเดินทางลงเหลือเพียงไม่เกิน 15 นาทีเท่านั้น
เรียกได้ว่าคิดมาดี คิดมารัดกุมครอบคลุมในทุกๆ มุมมองแล้วเลยก็ว่าได้ในการสร้างคุณภาพความเป็นอยู่ที่ดีที่สุดให้กับเมืองแห่งนี้
จากทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมาข้างต้นนี้ นี่เป็นเพียง ‘บางส่วน’ หรือเศษเสี้ยวจากความตั้งใจที่แท้จริงของ One Bangkok ในการพัฒนาเมืองแห่งนี้ให้การกลายเป็นเมืองกลางใจที่มีความหมายต่อชีวิตของผู้คน ซึ่งจะเชื่อมโยงทั้งการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของทุกชีวิต แบ่งปันคุณค่าความเป็นอยู่ที่ดีในทุกๆ มิติแง่มุม ทั้งยังทำให้ทุกคนตกหลุมรักทุกโมเมนต์ ทุกประสบการณ์ ในตลอดทุกๆ วินาทีที่ได้ใช้เวลาอยู่ใน One Bangkok
ดังนั้นการที่ทำเลของ One Bangkok ที่ตั้งอยู่บนหัวมุมถนนวิทยุและถนนพระราม 4 ซึ่งถือเป็น Prime Location Hub อย่างที่เราได้เกริ่นไปในตอนต้นจึงแทบจะกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญลำดับรองๆ ลงไปเลยทันที โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงความตั้งใจมุ่งมั่นและรายละเอียดทุกสิ่งอย่างที่ซ่อนอยู่ในตัวโครงการ เพื่อที่จะยกระดับทุกตารางนิ้วใน One Bangkok ให้กลายเป็นเมืองกลางใจของผู้คน
ไม่แปลกที่ในท้ายที่สุด One Bangkok จะเลือกสื่อสารแคมเปญต่างๆ ของพวกเขาด้วยแนวคิดเรื่องเมืองกลางใจ เนื่องจากหลักคิดในมุมนี้เป็นองค์ประกอบที่ Developer น้อยรายจะใส่ใจ ในทางตรงกันข้าม One Bangkok สามารถทั้งคิด ลงมือทำ แถมยังถ่ายทอดให้เกิดขึ้นได้จริงอีกด้วย
สะท้อนนิยามเมืองกลางใจผ่าน 3 Core Values ที่เปรียบเสมือนหัวใจสำคัญของ One Bangkok
นอกเหนือจากมุมมองเรื่องเมืองกลางใจ THE STANDARD POP อยากย้อนพูดถึงเบื้องหลังแนวคิดการพัฒนาเมืองของ One Bangkok ให้กลายเป็นเมืองกลางใจของผู้คนอีกสักเล็กน้อย โดยเฉพาะ 3 Core Values ที่เปรียบเสมือนฟันเฟืองสำคัญที่อยู่เบื้องหลังหัวใจการสร้างเมืองในแบบฉบับ One Bangkok ซึ่งประกอบไปด้วย
- People Centric: การพัฒนาทุกสิ่งอย่าง ทุกสัดส่วน ทุกตารางเมตรในโครงการ โดยยึดเอา ‘ผู้คน’ เป็นที่ตั้ง ว่าคนแต่ละประเภท แต่ละเจน หรือแต่ละช่วงวัย มีมุมมอง ความสนใจในเรื่องอะไรมากเป็นพิเศษ ความต้องการของพวกเขาในแต่ละแง่มุมการใช้ชีวิตคือเรื่องอะไรกันแน่ จากนั้นคอยนำสารตั้งต้นดังกล่าวมาร้อยเรียงเป็นพื้นที่และการออกแบบส่วนต่างๆ ภายในโครงการทั้งหมด เพื่อให้ได้เมืองที่ตั้งต้นการออกแบบมาจากผู้คนโดยแท้จริง
ดังที่เราได้เห็นผ่านการนำแนวคิด Walkable Neighborhood มาใช้เพื่อให้ทุกชีวิตได้เชื่อมโยงถึงกัน เพื่อความสะดวกสบาย การหลอมรวมของการสร้างคอมมูนิตี้ที่แข็งแรง ซึ่งทั้งหมดคือสมการที่เทียบเท่ากับผลลัพธ์ของการสร้างคุณภาพชีวิตที่ยกระดับมากขึ้นกว่าเดิม
- Sustainability: เรามักเห็นหน่วยงานหลายแห่งพูดถึงความยั่งยืนในมิติที่บางเบา ยากต่อการจับต้อง หรือฟังดูไกลห่างจากการทำให้เกิดขึ้นได้จริงทั้งสิ้น แต่ในเมืองกลางใจ One Bangkok แห่งนี้ ความยั่งยืนจะกลายเป็นเรื่องที่ทุกคนที่ใช้ทุกช่วงเวลาอยู่ในโครงการสามารถจับต้องได้ง่ายที่สุด
ภายใต้โครงการแห่งนี้ได้มีการใช้แนวคิดเรื่องความยั่งยืน เพื่อให้ในระยะยาว One Bangkok เป็นสถานที่ที่จะเติบโตไปพร้อมๆ กับทุกจังหวะชีวิตได้อย่างยั่งยืน ตั้งแต่การวาง Master Plan ในโครงการ ซึ่งได้รับมาตรฐานสากล LEED for Neighborhood Development Platinum เพื่อให้ One Bangkok เป็นโครงการสีเขียวอย่างแท้จริง หรือการดีไซน์พื้นที่ต่างๆ ภายในโครงการเพื่อให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและตอบโจทย์ความเป็นอยู่ของผู้คน
กระทั่งมุมมองเรื่องการเชื่อมต่อปอดสองข้างของกรุงเทพฯ อย่างสวนลุมพินีและสวนเบญจกิติเข้าด้วยกัน โดยมีพื้นที่สีเขียวในโครงการขนาด 50 ไร่เป็นแกนกลาง ให้เกิดกลายเป็นปอดยักษ์ใจกลางกรุงเทพฯ ก็ถือเป็นรูปธรรมของความยั่งยืนและความมุ่งมั่นในการสร้างพื้นที่สีเขียวโดย One Bangkok ได้เป็นอย่างดี
- Smart City: หนึ่งในเหตุผลที่จะทำให้นิยาม Sustainability เกิดขึ้นกับ One Bangkok ได้ก็เป็นผลมาจากการนำ Smart Technologies มาใช้ในโครงการ ซึ่ง One Bangkok ก็ได้นำเทคโนโลยีต่างๆ มาติดตั้งและยกระดับให้เมืองแห่งนี้มีความอัจฉริยะ ทั้งเพื่อให้ชีวิตผู้คนสะดวกสบาย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงสร้างความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งยังมีการนำข้อมูลที่เกิดขึ้นในโครงการกลับมาประมวลผล เพื่อช่วยให้การควบคุมและบริหารจัดการเมืองกลางใจแห่งนี้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอยู่เสมอ ซึ่งที่สุดแล้วปลายทางของถนนทุกสายก็ล้วนแล้วแต่มาบรรจบกันตรงที่ผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในทุกมิติ ทุกแง่มุมนั่นเอง
จากทั้งหมดทั้งมวลที่เราอธิบายมาข้างต้นนี้ ก็เพื่อให้เห็นว่า One Bangkok ไม่ได้คิดหวังแค่การพัฒนาสถานที่แห่งนี้ให้กลายเป็นสถานที่ที่ยิ่งใหญ่ระดับแลนด์มาร์กของประเทศไทย หรือให้เป็นเมืองที่มีความครบครันในทุกสิ่งเท่านั้น
แต่เพราะพวกเขาอยากสร้างเมืองที่อยู่กลางใจของทุกคนแบบจับต้องได้จริง เป็นเมืองที่ถูกคิดมาอย่างดี ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน คิดถึงทุกชีวิตที่จะแวะเวียนเข้ามา และถูกลงมือสร้างโดยหัวใจที่อยากให้ทุกๆ คนได้ตกหลุมรักเมืองแห่งนี้ มีประสบการณ์ที่ดี น่าจดจำ และมีความเป็นอยู่ที่ดีในทุกช่วงเวลานั่นเอง
ยอมรับตามตรงว่าส่วนตัวของผู้เขียนและ THE STANDARD POP เอง เมื่อได้ยินรายละเอียดต่างๆ ของโครงการ One Bangkok ที่มีการเปิดเผยออกมาก่อนหน้านี้ ก็เกิดความรู้สึกคาดหวังและตั้งตารอคอยที่จะได้ไปเยี่ยมเยือนด้วยตัวเองให้ได้
แต่ทันทีที่มีการเปิดเผยแนวคิดเรื่องการออกแบบเมือง สถานที่ ส่วนต่างๆ ผ่านหลักคิดเรื่องเมืองกลางใจออกมา เรากลับรู้สึกตื่นเต้นและแทบจะอดใจไม่ไหวที่จะไปเยือนสถานที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุด เพื่อพิสูจน์ความหมายของนิยามเมืองกลางใจด้วยตัวเอง
แล้วเจอกันนะ เมืองกลางใจ One Bangkok