วันนี้ (5 พฤษภาคม) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นกรณี แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นเศรษฐกิจบนเวที ‘10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10’ เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ใช่องค์กรหรือสถาบันที่ประชาชนจะกล่าวถึง วิพากษ์วิจารณ์ หรือแตะต้องไม่ได้
ภูมิธรรมระบุต่อว่า เจตจำนงพรรคเพื่อไทยที่หัวหน้าพรรคโดย แพทองธาร ชินวัตร ได้สื่อสารกับสังคมถึงกรณีธนาคารแห่งประเทศไทยในวันประชุมของพรรคที่ผ่านมา สำหรับตนเองคือการแสดงออกอย่างเปิดเผย จริงใจ และห่วงใยที่ธนาคารแห่งประเทศไทยยังยืนยันที่จะตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้อย่างเดิม โดยไม่พิจารณาถึงผลกระทบด้านต่างๆ ซึ่งประชาชนที่เป็นลูกหนี้ธนาคารและประชาชนทั่วๆ ไปกำลังเผชิญชีวิตดิ้นรนอยู่ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่กำลังซ้ำเติมชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาอย่างแสนสาหัส
สื่อมวลชนเองก็รับรู้กระแสข่าวเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง ความคิดของคนในสังคมต่อประเด็นนี้ก็มีความหลากหลาย และประเด็นการตัดสินใจของธนาคารแห่งประเทศไทยก็เป็นกระแสความเห็นต่างกันอย่างกว้างขวางในสังคม แต่แปลกใจว่าทำไมเมื่อหัวหน้าพรรคเพื่อไทยสะท้อนความคิดบ้าง จึงเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์แบบมุ่งโจมตีด้วยอคติอย่างไร้เหตุผล
การแสดงความเห็นต่อกรณีธนาคารแห่งประเทศไทยในวันประชุมของหัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่ผ่านมา ตนเองเชื่อมั่นว่าหัวหน้าพรรคเพื่อไทยกำลังทำหน้าที่สะท้อนความเห็นอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมาต่อธนาคารแห่งประเทศไทย ในฐานะที่องค์กรนี้เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของการพัฒนาและดูแลระบบเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งความเห็นดังกล่าวมีนัยที่สะท้อนถึงความห่วงใยต่อผลกระทบจากภาระทางเศรษฐกิจที่บีบคั้นชีวิตของประชาชนจำนวนมาก ซึ่งกำลังเดือดร้อนและแบกรับความยากลำบากอยู่
ท่าทีของการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองของหัวหน้าพรรคเพื่อไทยจึงเป็นไปตามวิถีประชาธิปไตย และสำนึกความรับผิดชอบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน อีกทั้งยังเป็นการนำเสนอในเวทีของพรรคการเมือง ประกอบด้วยกรรมการและสมาชิกพรรคที่ต่างต้องมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในการแสวงหาแนวทาง มาตรการ ทางเลือก เพื่อช่วยกันคิดและจัดการภาวะเศรษฐกิจของประเทศ จึงเป็นสิทธิที่สามารถพูดได้หรือออกความเห็นได้ และเป็นเรื่องที่พึงกระทำได้ ไม่ว่าจะในฐานะพลเมืองหรือหัวหน้าพรรคการเมืองที่มีความห่วงใยประชาชน ห่วงใยบ้านเมือง ผมเห็นว่าการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตใจในครั้งนี้จะเป็นการกระตุกให้สังคมและผู้เกี่ยวข้องได้ช่วยกันคิด ไตร่ตรองหาเหตุผลให้เห็นทางออกมากขึ้น
ภูมิธรรมระบุอีกว่า ในความเป็นจริง ธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ใช่สถาบันที่อยู่เหนือการเมือง ไม่ใช่องค์กรที่ห้ามวิพากษ์วิจารณ์ ตรงกันข้าม ธนาคารแห่งประเทศไทยคือกลไกของระบบเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศ ที่ประชาชนทุกฝ่ายเข้าถึง เสนอความคิดเห็นได้ แม้จะมีขอบเขตหน้าที่หลักทางเศรษฐกิจก็ไม่ได้หมายความว่าธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ข้องเกี่ยวกับการเมืองและชีวิตของประชาชน
การที่ประชาชนทั่วไปหรือพรรคการเมืองกล่าวถึงธนาคารแห่งประเทศไทย หรือวิพากษ์วิจารณ์ เสนอความเห็นต่อธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่ใช่การแทรกแซง แต่เป็นการเสนอเพื่อให้มุมมองทางเลือกอื่นๆ ที่เหมาะสมมากกว่าในบริบทสถานการณ์ที่เป็นอยู่ การที่สื่อบางบุคคล บางสำนักมีอคติต่อพรรคเพื่อไทย และนำความเห็นบางส่วนของหัวหน้าพรรคมาวิพากษ์อย่างรุนแรง และขยายความตามอคติของตนบวกด้วยการใส่สีตีข่าว เป็นการทำข่าวด้วยอคติมากกว่าข้อเท็จจริง
“ผมเฝ้ามองคนข่าวหรือสำนักข่าวบางคนบางส่วนที่ยังติดยึดอยู่กับอคติเดิม แล้วการใช้พื้นที่ข่าวของตนเป็นพื้นที่ละเลงอคติและขยายความขัดแย้งอยู่เนืองๆ ก่อและปั่นกระแสขัดแย้งในสังคม โดยไม่คำนึงถึงสิทธิและความเป็นมนุษย์ของบุคคลที่ตกเป็นข่าว”
ภูมิธรรมระบุทิ้งท้ายว่า ขอยืนยันว่ากรณีธนาคารแห่งประเทศไทยยังเป็นประเด็นที่สังคมยังสะท้อนความเห็นและสื่อสารกันได้ โดยใช้ความรู้และปัญญาที่รอบด้านมากกว่าการใช้จินตนาการที่มีแต่อคติ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับการขับเคลื่อนทั้งเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม
อ้างอิง: