บลจ.ไทยพาณิชย์ ชวนลงทุนตราสารหนี้นอกตลาด ดักแนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐฯ ทรงตัวระดับสูงต่อเนื่องถึงสิ้นปีนี้ เตรียมเปิดกองทุนใหม่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Senior Loan ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย หรือ SCBSNLOAN เสนอขาย 9-16 พฤษภาคมนี้
เมื่อวันที่ 30 เมษายน – 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed ได้แถลงการณ์ โดยระบุว่า Fed มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ถือเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 6 ขณะเดียวกัน ประธาน Fed ย้ำชัดเจนว่า Fed ไม่มีท่าทีในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป
ภูดินันท์ สัจยากร Director, ผู้บริหารฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBAM) เปิดเผยผ่านรายการ Morning Weath ว่า จากผลประชุม FOMC ครั้งนี้ ทำให้ตลาดมีมุมมองต่ออัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ แตกต่างกันไป โดยมุมที่เหมือนกันคือต่างเชื่อมั่นว่าโอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ ในปีนี้ไม่มีอีกแล้ว หรือเรียกได้ว่า Fed ปิดประตูขึ้นดอกเบี้ยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ส่วนในเรื่องของอัตราเงินเฟ้อ ตลาดยอมรับว่ายังเป็นปัจจัยที่ต้องจับตาต่อไป
ส่วนมุมมองที่ตลาดมองต่างก็คือแนวโน้มการลดดอกเบี้ย โดยล่าสุดตลาดมองว่าการลดดอกเบี้ยสหรัฐฯ น่าจะเกิดขึ้นเร็วสุดในเดือนกันยายนหรือเดือนพฤศจิกายน และจำนวนการลดก็ต่างกัน ซึ่งจากมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยดังที่กล่าวจะส่งผลกระทบต่อตลาดทุน
ภูดินันท์กล่าวว่า จากแนวโน้มนโยบายดอกเบี้ยของ Fed บลจ.ไทยพาณิชย์ จึงแนะนำการลงทุนทางเลือกใหม่ คือลงทุนในตลาดสารหนี้นอกตลาด หรือ Private Credit โดย บลจ.ไทยพาณิชย์ จะเปิดเสนอขายกองทุนใหม่ คือกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Senior Loan ห้ามขายนักลงทุนรายย่อย หรือ SCBSNLOAN
จุดเด่นของกองทุน SCBSNLOAN เป็นการลงทุนในสินเชื่อแบบที่ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิ เป็นกองทุนรวมไทยประเภท Private Credit กองทุนแรกที่มีสภาพคล่องในการซื้อขายสูง สามารถให้นักลงทุนซื้อขายได้ทุกวันทำการ
ทั้งนี้ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Senior Loan ห้ามขายนักลงทุนรายย่อย หรือ SCBSNLOAN จะเปิดเสนอขายระหว่างวันที่ 9-16 พฤษภาคมนี้
ภูดินันท์กล่าวอีกว่า ตราสารหนี้นอกตลาดจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรับดอกเบี้ยในระดับสูงอย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงก็คือผู้ออกตราสารยังคงมีความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้ Default ได้เช่นกัน เนื่องจากเป็น Non Investment Grade อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับ High Yield Bond แล้ว ตราสารหนี้นอกตลาดจะมีความเสี่ยงที่ต่ำกว่า เพราะมีอัตราการได้รับเงินคืน (กรณีเกิดการนัดชำระหนี้) สูงกว่า
“หากถามว่า Senior Loan ต่างหรือไม่ต่างจาก High Yield Bond อย่างไรบ้าง สิ่งที่ต่างก็คืออายุตราสาร ซึ่ง Senior Loan จะสั้นกว่า High Yield Bond และมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และในเรื่องความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระนั้นก็มีเหมือนกัน เพราะผู้ออกตราสารเป็น Non Investment Grade แต่ Senior Loan จะมีอัตราการได้รับเงินคืนสูงกว่า”
นอกจากนี้ Senior Loan ยังมีความเสี่ยงในเรื่องสภาพคล่องในการซื้อขายด้วยเช่นกัน เนื่องจากเป็นสินทรัพย์นอกตลาดจึงทำให้มีสภาพคล่องที่จำกัดมากกว่าสินทรัพย์ในตลาด อย่างไรก็ตาม ตลาด Senior Loan ในสหรัฐฯ มีการซื้อขายกันสูงมาก สามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ จึงไม่น่ากังวลมากนัก