ราคาของ Bitcoin สินทรัพย์ดิจิทัลที่มีการซื้อขายมากที่สุดในโลก ประเดิมเดือนใหม่คือเดือนพฤษภาคมอย่างไม่ค่อยสดใสสักเท่าไรนัก โดยในการซื้อขายเมื่อวันพุธที่ 1 พฤษภาคม ราคา Bitcoin ร่วงลงอย่างหนัก แตะระดับต่ำสุดในรอบสองเดือน ขานรับมติคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่ยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไปที่ระดับ 5.25-5.50%
รายงานระบุว่า ก่อนหน้าที่จะประกาศผล ราคาของ Bitcoin ร่วงลงอย่างมากจนแตะระดับที่ 56,526.00 ดอลลาร์สหรัฐ ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ อยู่ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก่อนจะกระเตื้องขึ้นมาอยู่ที่ 57,300 ดอลลาร์สหรัฐ หลังประกาศผล Fed และขยับมาทรงตัวที่ 57,227.50 ดอลลาร์สหรัฐ
โดยก่อนหน้านี้ราคาของ Bitcoin พุ่งขึ้นในระยะสั้นๆ แตะ 60,989.58 ดอลลาร์สหรัฐ หลังมีการ Halving ก่อนที่จะปรับตัวลดลงมา
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนให้เห็นโฟกัสของนักลงทุนในการจับตามองการตัดสินเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed ซึ่งการตัดสินใจของ Fed ล่าสุดที่ยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมเป็นไปตามการคาดหวังของบรรดานักวิเคราะห์และนักลงทุนที่ออกมาแสดงความเห็นก่อนหน้านี้
Geoff Kendrick หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัลของ Standard Chartered ออกมาแสดงความเห็นเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม โดยระบุว่า ฉากหลังด้านเศรษฐกิจมหภาคไม่ได้เอื้อต่อการเติบโตของสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างคริปโตเคอร์เรนซีที่ค่อนข้างเติบโตได้ดีจากตลาดที่มีสภาพคล่องสูง ซึ่งสภาพคล่องของตลาดสหรัฐฯ ในเวลานี้มีแนวโน้มลดลงอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา
ด้าน Zach Pandl หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Grayscale Investments ระบุว่า อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงที่สูงขึ้นน่าจะสนับสนุนเงินดอลลาร์และมีน้ำหนักต่อ Bitcoin ในช่วงเดือนที่ผ่านมา พร้อมชี้ว่า แถลงการณ์ของ FOMC แสดงความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ แต่ไม่ได้ตัดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยออก ซึ่งความคาดหวังของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตจะสนับสนุนราคาของ Bitcoin และตลาดคริปโตเคอร์เรนซีในวงกว้างมากขึ้น
ทั้งนี้ Bitcoin มีการซื้อขายในช่วงแคบในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยมีตัวเร่งสำคัญสำหรับสกุลเงินดิจิทัล คือความต้องการจากกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนของสหรัฐฯ (ETF) และการ Halving โดยในช่วงสัปดาห์นี้ Bitcoin ปรับตัวลดลงแล้ว 9% ทำให้เดือนเมษายนกลายเป็นเดือนที่เลวร้ายที่สุดของ Bitcoin นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2022
อย่างไรก็ตาม บรรดานักลงทุน Bitcoin ต่างคาดหวังที่จะได้เห็นการฟื้นตัวกลับมาแกร่งของ Bitcoin และตลาดคริปโตเคอร์เรนซีในช่วงครึ่งปีหลังนี้ แต่ในระยะสั้นคือประมาณ 3-4 สัปดาห์ ราคาของ Bitcoin อาจปรับตัวร่วงลงอีก อันเป็นผลจากเศรษฐกิจมหภาคที่ชะลอตัวและแรงกดดันจากความขัดแย้งในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ โดยนักวิเคราะห์จาก Bitfinex ประเมินว่า ในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้าอาจจะได้เห็นการแกว่งตัวของ Bitcoin ทั้งบวกและลบในช่วง 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่นักวิเคราะห์คาดหวังที่จะได้เห็นผลกระทบเชิงบวกจากการ Halving ซึ่งทำให้ซัพพลาย Bitcoin ในตลาดลดลงครึ่งหนึ่งในช่วงไม่กี่เดือนหลังจากนี้มากกว่า
อ้างอิง: