การผลิต EV ใน จีน ยังคงขยายตัวด้วยความเร็วสูงมาก แม้จะมีกำลังการผลิตมากกว่าความต้องการภายในประเทศจำนวนมาก ทำให้เกิดความหวั่นเกรงว่าผู้ผลิตรถยนต์จะส่งออกรถยนต์ไปต่างประเทศในราคาลดล้างสต็อก
โดยปกติแล้วจุดคุ้มทุนสำหรับการใช้ประโยชน์โรงงานผลิตรถอยู่ที่ประมาณ 80% แต่สำหรับรถยนต์พลังงานใหม่ซึ่งรวมถึง EV ในจีนนั้นอยู่ที่ประมาณ 50% เท่านั้น ผู้ผลิต EV รายใหม่หลายรายล้มละลายไปแล้ว เนื่องจากปัญหากำลังการผลิตเกินความต้องการ
งาน Auto China หนึ่งในนิทรรศการรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก จัดขึ้นในปักกิ่งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา บูธของ Xiaomi ผู้ผลิตสมาร์ทโฟน มีผู้เข้าชมเนืองแน่น ต่างกับบูธของ Nissan Motor ที่อยู่ติดกันซึ่งมีผู้เข้าชมบางตา โดยสิ่งที่ดึงดูดผู้เข้าชมไปที่บูธ Xiaomi นั้นคือความได้เปรียบด้านราคา
Xiaomi เข้าสู่ตลาด EV ในเดือนมีนาคมด้วยราคาที่ต่ำกว่ารถของ Tesla เมื่อ เล่ยจุน ประธานกรรมการและ CEO เผยว่าได้ยอดจองล่วงหน้า 75,723 คัน ก็เกิดเสียงฮือฮาดังขึ้นจากผู้ชม
ผู้ผลิตรถยนต์ EV ชาวจีนสามารถทำราคาขายได้ต่ำ เพราะเครือข่ายจัดหาแบตเตอรี่กระจุกตัวอยู่ในจีน ตามข้อมูลของ SNE Research เกาหลีใต้ บริษัทจีนติดอันดับ 6 จาก 10 อันดับแรกของผู้ผลิตแบตเตอรี่เมื่อปีที่แล้วเมื่อพิจารณาจากแบตเตอรี่ที่ติดตั้งในรถยนต์ จีนผลิตวัสดุแคโทด ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของแบตเตอรี่ได้ประมาณ 80% ของความต้องการ
แบตเตอรี่คิดเป็น 30-40% ของต้นทุนผลิตรถยนต์ EV สำนักงานพลังงานนานาชาติระบุว่า ราคาเฉลี่ยของแบตเตอรี่ในจีนอยู่ที่ประมาณ 80% ของราคาแบตแบตเตอรี่ในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ส่วนเหล็กและชิ้นส่วนอื่นๆ ก็จัดหาได้ในราคาต่ำเช่นกัน และทางรัฐบาลก็ใจกว้างให้ทั้งเงินอุดหนุนก้อนใหญ่และการสนับสนุนด้านการวิจัยและพัฒนา รวมทั้งการสร้างโรงงาน
อุปสรรคที่ไม่มากนักทำให้บริษัทจำนวนมากพากันโถมเข้าสู่ตลาด EV จีน จากข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศจีน มีผู้ผลิตรถยนต์นั่งส่วนบุคคลพลังงานใหม่ในประเทศมากกว่า 50 รายเมื่อปีที่แล้ว
บริษัทต่างๆ ยังคงเร่งเพิ่มกำลังการผลิต ตั้งเป้าจะขยายส่วนแบ่งในตลาด EV ที่ใหญ่ที่สุดของโลก อย่างเช่น Seres Group บริษัทขนาดกลางที่ร่วมงานกับยักษ์ใหญ่อุปกรณ์โทรคมนาคมจีน Huawei Technologies เพิ่งเปิดโรงงานที่ฉงชิ่ง
โดยมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างไม่ลดละในอัตราที่รวดเร็วกว่าความต้องการ หนังสือพิมพ์จีนระบุว่า กำลังการผลิตของจีนสำหรับรถยนต์พลังงานใหม่ในปี 2025 คาดว่าจะอยู่ที่กว่า 36 ล้านคันเมื่อรวมแผนการผลิตรถยนต์ของบริษัทต่างๆ และรัฐบาลท้องถิ่นเข้าด้วยกัน คาดกันว่าตัวเลขยอดขายในปีนั้นจะอยู่ที่ราว 17 ล้านคัน ทำให้มีส่วนเกินเกือบ 20 ล้านคัน
สื่อจีนรายงานว่า คาดว่าการใช้ประโยชน์โรงงานเมื่อปีที่แล้วอยู่ที่ประมาณ 50% เนื่องจากอุปทานล้นตลาด ต่ำกว่าจุดคุ้มทุนที่ 80% มาก สิ่งนี้ทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะต้องปรับโครงสร้างธุรกิจกันยกใหญ่เพราะกำไรถูกบีบ
สถิติทางการเผยว่า ในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ อัตรากำไรของวงการอุตสาหกรรมรถยนต์อยู่ที่ 4.3% ต่ำกว่า 8.7% ในปี 2015 อย่างมาก ผู้ผลิตรถยนต์พลังงานใหม่บางรายล้มละลายไปแล้ว และมีการคาดการณ์ว่าจะมีบริษัทมากกว่า 10 รายที่ล้มละลายหรือใกล้ล้มละลายในปีนี้
ผู้ผลิตบางรายเห็นการส่งออกสินค้าไปยังยุโรปและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นทางออกจากวิกฤตนี้ ตามข้อมูลจากสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ รถยนต์พลังงานใหม่ที่จีนส่งออกในปี 2023 เพิ่มขึ้น 78% แตะที่ 1.2 ล้านคัน และมีคนเชื่อว่าตัวเลขจะไปแตะ 3.5 ล้านคันในปีหน้า
นี่จะถือเป็นการทำลายผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นและยุโรป ซึ่งปัจจุบัน BYD และผู้ผลิต EV จีนรายอื่นๆ กำลังบุกหนักในไทยและตลาดอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นมีส่วนแบ่งตลาด 80%
ความรู้สึกหวาดระแวงต่อผู้ผลิตรถยนต์ EV จากจีนแผ่ไปทั่วโลก สหภาพยุโรป (EU) กำลังตรวจสอบว่า EV จากจีนขายในราคาถูก เพราะได้รับเงินช่วยเหลือ และเป็นการขัดขวางการแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรมหรือไม่ โดยสหรัฐฯ ยินยอมที่จะสร้างกรอบการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องกำลังการผลิตที่เกินความต้องการในช่วงเวลาที่ เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ไปเยือนจีนในเดือนนี้
อ้างอิง: