เทรนด์ความงามเรื่องรูปหน้ามักเปลี่ยนไปตามแต่ละยุคสมัย แต่สำหรับปัจจุบันการมีรูปหน้าที่ให้ความสวยธรรมชาติแบบไม่ตะโกน และยังคงไว้ซึ่งเค้าโครงเดิมแต่เพิ่มเติมด้วยการเก็บทรงให้ผิวดูยกกระชับ เสริมด้วยการดูแลให้ผิวดูอิ่มฟูสุขภาพดีนี่แหละคือสิ่งที่ใครต่างมองหา
ในส่วนของนวัตกรรมในปัจจุบันที่ช่วยตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าวนั้นมีให้เลือกอยู่หลายตัว แต่ตัวที่มาแรงที่สุดในนาทีนี้ก็คงต้องยกให้ Oligio นวัตกรรมยกกระชับผิวโดย WONTECH บริษัทที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำด้านความงามจากเกาหลีใต้ ที่ล่าสุดเข้ามาตั้งสำนักงานในไทยอย่างเป็นทางการภายใต้ชื่อ WONTECH ASIA (วอนเทค เอเชีย)
View this post on Instagram
เชื่อว่าใครที่เป็นสายเครื่องจะต้องสงสัยแน่นอนว่า Oligio มีความพิเศษดีเด่นอย่างไร แตกต่างจากนวัตกรรมที่มีอยู่ในท้องตลาดในปัจจุบันแค่ไหน งานนี้เราเลยถือโอกาสล้วงลึกข้อมูลและไขทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับ Oligio กับ หมอเจี๊ยบ-พญ.ศรินทิพย์ สุนทรัช แพทย์ประจำ / Medical Director แห่ง The Clover Clinic ผู้มีประสบการณ์ในเวชศาสตร์ความงามมากว่า 17 ปี พร้อมพิสูจน์ผลลัพธ์ด้วยตัวเอง มาดูกันว่าก่อนจะตัดสินใจเลือกรับบริการ Oligio มีอะไรที่คุณควรรู้บ้าง
เห็นว่าล่าสุดมีงานเปิดตัว Oligio ในไทยอย่างเป็นทางการ แต่อันที่จริงนวัตกรรมนี้มีมานานหลายปีแล้ว และบางคลินิกก็มีการใช้มาก่อนหน้านี้เหมือนกัน รุ่นที่นำมาเปิดตัวในไทยนั้นมีความพิเศษหรือเหมือนกับรุ่นที่มีในไทยก่อนหน้านี้อย่างไร
Dr.Jeab: งานนี้ Distributor มาเอง คือบริษัท WONTECH ตัวเครื่องผ่าน อย. ทั้งไทย, ยุโรป และสหรัฐอเมริกา มีความปลอดภัย วางใจได้ และยังมีการอัปเดตซอฟต์แวร์ใหม่ซึ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ต้องไปที่เกาหลีแล้วสาวไทยก็สามารถสวยได้ ตัวหมอได้ลองเองแล้วชอบเลยตัดสินใจนำเข้าคลินิกเลย (หัวเราะ)
Oligio เป็นเครื่องที่ช่วยอะไร
Dr.Jeab: ช่วยทำให้ผิวแน่น กระชับได้รูปและเป็นธรรมชาติ ลดไขมันได้ด้วย เช่น เหนียง เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอยเหี่ยวย่นที่ไม่ได้เกิดจากการแสดงสีหน้า
จริงๆ จะคล้าย Thermage เพราะเป็นเทคโนโลยี Monopolar RF เหมือนกัน แต่ Range อายุที่ทำจะกว้างกว่า อย่างพรีเซนเตอร์นี่ก็ใช้นักแสดงหนุ่มเกาหลีอย่าง โรอุน (Rowoon)
View this post on Instagram
เครื่องนี้สามารถใช้ได้ตั้งแต่วัยเลข 2, 3, 4 ซึ่งจะช่วยเรื่องงานผิวเยอะ บางคนทำ Thermage แล้วกลัวว่าหน้าจะตอบเกิน แต่เครื่องนี้สามารถปรับฟังก์ชันได้ทั้งงานผิวฟูและยืดหยุ่น ซึ่งยืดหยุ่นในที่นี้คือยืดแล้วหดดี จับแล้วแน่น ต่างจาก Lifting นะ
Oligio นิยมทำส่วนไหนบ้าง
Dr.Jeab: ทำที่หน้า, เหนียง, คอ, ผิวใต้ตา, หน้าผากก็ทำได้ ช่วยลิฟต์คิ้ว ในอนาคตจะมีนำเข้าหัวสำหรับบอดี้และตาด้วย
จุดเด่นที่สุดของ Oligio คืออะไร
Dr.Jeab: เครื่องนี้ไม่เจ็บเลย ไม่ต้องทายาชา นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีพิเศษ OSCA Optimal Shot Control Algorithm ที่มีระบบ Auto Mode ช่วย Control Pain ง่าย เพราะมี Cooling 4 Phrase ให้ความรู้สึกสบายๆ ตอนทำ ใช้เวลาทำเพียง 20-30 นาทีก็เสร็จ เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยมีเวลา
แสดงว่าก่อนทำ Oligio ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษเลย
Dr.Jeab: ใช่ค่ะ ไม่ต้องงดหรือเลี่ยงอาหารเสริมอะไรเลย หากมีการฉีดโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ให้เว้นระยะอย่างน้อย 1 เดือนก่อนทำ Oligio ส่วนขั้นตอนก่อนทำ Oligio มีเพียงถอดเครื่องประดับออกก่อนและติดแผ่นสื่อที่หลัง
บางหัตถการเราจะเห็นได้ว่าผิวแห้งขึ้นหลังทำ Oligio มีส่วนทำให้ผิวแห้งขึ้นหรือไม่
Dr.Jeab: ที่ผิวแห้งส่วนใหญ่เป็นเพราะยาชา แต่การทำ Oligio ไม่ต้องทายาชาเลยไม่มีปัญหาผิวแห้ง ไม่มี Downtime ใช้ชีวิตได้ตามปกติ อาจมีรอยแดงบนใบหน้าแต่จะหายไปได้เองภายใน 1 ชั่วโมง
หลังทำ Oligio มีข้อห้ามอะไรไหม
Dr.Jeab: ใช้ชีวิตตามปกติได้เลยค่ะ บำรุงผิว ทากันแดด ไม่มีข้อห้ามอะไรเป็นพิเศษ
ผลลัพธ์หลังทำทันทีเป็นอย่างไร
Dr.Jeab: สิ่งที่รู้สึกหลังทำเลยคือผิวจะดูแน่นขึ้น ผิวดีขึ้นทันที 20% เพราะ Oligio ไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวและตัวเนื้อเจลของทาง WONTECH ที่ใช้กับเครื่องนี้ก็ยังมีการผสม Glycerin ช่วยให้ผิวเรียบเนียนและนุ่มขึ้น ผิวจะดูยกกระชับแบบเต็มที่ในอีก 2 เดือน
ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน
Dr.Jeab: ราวๆ 8 เดือน
ใครไม่เหมาะที่จะทำ Oligio บ้าง
Dr.Jeab: ห้ามทำในคนที่ตั้งครรภ์หรือใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ เทคโนโลยี RF ทุกตัวจะห้ามในกลุ่มคนเหล่านี้ รวมถึงใครที่ติดเชื้อทางผิวหนัง เป็นเริม ผิวอักเสบติดเชื้อ หากมีอาการติดเชื้อลักษณะดังกล่าวให้ทำการรักษาก่อนจนกว่าจะหาย
แล้วคนที่ใบหน้าอ้วนมากสามารถทำ Oligio ได้ไหม
Dr.Jeab: ต้องดูว่าใบหน้าอ้วนเกิดจากอะไร หากเป็นเพราะกรามใหญ่ก็อาจจะต้องฉีดโบท็อกซ์ก่อน แต่ถ้าแฟตเยอะตัวนี้ก็ช่วยเช่นกัน แต่ทั้งนี้ควรให้แพทย์ประเมินก่อนเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษา
ปัจจุบันนวัตกรรมยกกระชับผิวในวงการมีให้เลือกหลายตัวจนอาจสร้างความสับสนแก่ผู้บริโภค หากเทียบ Oligio กับนวัตกรรมตัวอื่นๆ โดยเฉพาะเหล่าตัวท็อป คุณหมอมีคำแนะนำในการเลือกอย่างไร
Dr.Jeab: ถ้าอยากผิวแน่นไป Thermage หรือ Oligio ถ้าอยากผิวยกไป Ulthera หรือ Ultraformer ต่อมาถามตัวเองว่าทนเจ็บได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าไม่ได้เลยไป Oligio เหมาะกับคนที่ปัญหาผิวมีไม่มาก แต่ถ้าทนเจ็บได้ ปัญหาผิวเยอะ ไป Thermage
Oligio มีนับจำนวนช็อตหรือไม่
Dr.Jeab: มีค่ะ คนที่มีปัญหาไม่มากจะแนะนำอยู่ที่ 300-600 ช็อต ปัญหาปานกลางอยู่ที่ 600-900 ช็อต ส่วนคนที่ปัญหาค่อนข้างเยอะจะแนะนำ 900-1,200 ช็อต แต่โดยเฉลี่ยแล้วจะเริ่มต้นที่ 600 ช็อต ครอบคลุมหน้าและเหนียง
หากไม่ใช้จำนวนช็อต มีวิธีการประเมินพลังงานในการยิงอย่างไร
Dr.Jeab: พลังงานในการใช้จะขึ้นอยู่กับค่าแรงต้านไฟฟ้าของแต่ละบุคคล แพทย์จะปรับลด-เพิ่มพลังงานโดยอิงฟีดแบ็กของคนไข้เป็นหลัก และจะสังเกตลักษณะผิวขณะทำ
ทางบริษัทมีการวิจัยมาแล้วว่าความร้อนที่เหมาะสมจะอยู่ที่ปริมาณ 40-60 KJ แต่ทั้งนี้คนไข้แต่ละคนจะมีสภาพผิวที่บางและหนาต่างกัน ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับเทคนิคของแพทย์ในการควบคุมพลังงาน
คนไข้สามารถรับหัตถการอื่นในวันเดียวกันได้หรือไม่
Dr.Jeab: ทำได้หลังจากพักหน้าประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อให้อุณหภูมิบนพื้นผิวลดลง สามารถจิ้มหน้าต่อได้เลย เครื่องอื่นก็ทำได้เช่นกัน ตัวหมอเองชอบทำ Combination เช่น Oligio จะลงลึกใต้ชั้นผิว 3 มิลลิเมตร ในขณะที่ Ulthera ลงลึก 4.5 มิลลิเมตร มันลงคนละชั้นผิว ดังนั้นการทำพร้อมกันก็จะได้ผลลัพธ์ที่ปังยิ่งขึ้น ช่วยทั้ง Tightening และ Lifting
Oligio มีข้อเสียบ้างไหม
Dr.Jeab: ไม่มีข้อจำกัด แต่ต่อให้เป็นงานเครื่องก็ต้องอาศัยประสบการณ์ของแพทย์เช่นกัน และต้องตรวจสอบว่าเป็นเครื่องแท้หรือไม่
คุณหมอมีข้อแนะนำอะไรสำหรับมือใหม่ที่เริ่มอยากเข้าวงการยกกระชับบ้าง
Dr.Jeab: เน้นการป้องกัน เริ่มดูแลตัวเองได้เร็ว ก็จะทำให้เราคงสภาพและแลดูอ่อนเยาว์มากขึ้น ที่สำคัญคือต้องคำนึงเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก เลือกรับบริการกับคลินิกที่ได้มาตรฐานและทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มีประสบการณ์
อัตราค่าบริการของ Oligio
Dr.Jeab: 30,000-35,000 บาทต่อ 600 ช็อต
Result
หลังทำทันทีจะเห็นได้ว่าบริเวณแก้มที่หย่อนคล้อยมีความยกกระชับขึ้น ในส่วนของเหนียงมีความยกกระชับขึ้น เห็นกรอบหน้าชัดขึ้นทันที หลังผ่านไป 1 สัปดาห์สัมผัสได้ว่าผิวหน้ามีความเนียนละเอียด อิ่มฟูขึ้นจริง แต่งหน้าติดขึ้น และผิวยังดูสดใสขึ้นจนถูกทัก
Good for
จากที่ได้ลองทำแล้วกล้าพูดได้เต็มปากว่า Oligio เหมาะกับคนที่กลัวเจ็บจริงๆ เพราะระหว่างที่ทำนั้นไม่มีความรู้สึกเจ็บเลย มีเพียงความรู้สึกอุ่นๆ เท่านั้น นอนสบายๆ ได้ ไม่ต้องเสียเวลารอยาชา เรียกว่าตอบโจทย์ทั้งคนที่อยากได้ผิวยกกระชับ กรอบหน้าชัดขึ้น ลดแฟต เก็บเหนียง พร้อมอัปงานผิวให้สุขภาพดีไปพร้อมๆ กัน
The Clover Clinic
Open: เปิดบริการทุกวัน เวลา 11.00-20.00 น.
Address: ตรวจสอบสาขาได้ทางเว็บไซต์ The Clover Clinic
Budget: 30,000-35,000 บาทต่อ 600 ช็อต
Tel: 09 2761 1931
Website: https://thecloverskinclinic.com/